Contents
บัตรเดบิตกับบัตรเครดิตคืออะไร?
บัตรเดบิตคือบัตรที่ทางธนาคารออกให้โดยผูกเอาไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร สามารถใช้ทำธุรกรรมการเงินต่างๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์หรือ ATM ได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด
บัตรเครดิตคือสินเชื่อบุคคลธรรมดา ทางธนาคารจะให้เงินจำนวนหนึ่งซึ่งผู้ถือบัตรจะสามารถใช้เงินจำนวนนั้นได้ภายในวงเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ แต่มีเงื่อนไขคือต้องจ่ายเงินที่ใช้ผ่านบัตรเครดิตดังกล่าวไปพร้อมกับดอกเบี้ยตามอัตราที่ทางธนาคารกำหนด
สับสนไหม? บัตรเดบิตต่างกับบัตรเครดิตอย่างไร?
ไขข้อสงสัยบัตรเดบิตกับบัตรเครดิตต่างกันอย่างไรใน 6 ข้อ
บัตรเดบิต | บัตรเครดิต |
1.เป็นบัตรที่เชื่อมต่อกับบัญชีของผู้ถือบัตรไม่ว่าจะเป็นบัญชีแบบออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวัน
สามารถใช้กดเงินจากตู้เอทีเอ็มหรือรูดซื้อสินค้าและบริการได้เหมือนกับการใช้เงินสด เพียงแต่เป็นการใช้เงินในรูปแบบของบัตร โดยเงินที่จับจ่ายไปนั้นจะถูกหักจากเงินในบัญชีของผู้ถือบัตร |
1.เป็นบัตรที่มีวงเงินจำกัดอยู่ในบัตร โดยผู้ถือบัตรจะสามารถใช้บัตรเครดิตรูดเพื่อซื้อสินค้าและบริการได้แต่ไม่เกินวงเงินที่มี
แต่มีเงื่อนไขคือจะต้องตามจ่ายเงินที่ใช้ไปคืนพร้อมดอกเบี้ย กล่าวคือการรูดบัตรเครดิตคือการใช้เงินในอนาคตนั่นเอง |
2.ผู้ถือครองบัญชีเงินฝากสามารถมีบัตรเดบิตได้หลายใบโดยเชื่อมกับบัญชีเงินฝากภายใต้ชื่อของเจ้าของบัญชีเพียง 1 ชื่อ | 2.ผู้ถือบัตรเครดิตสามารถมีบัตรหลักได้เพียง 1 ใบภายใต้ชื่อ-นามสกุลของตนเอง โดยสามารถมีบัตรเสริมเพิ่มได้แต่ไม่เกิน 4 ใบ
*วงเงินในบัตรจะรวมทั้งบัตรหลักและบัตรเสริม (มีบัตรกี่ใบก็วงเงินเท่าเดิม) |
3.มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมบัตร คือ ค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี
ค่าธรรมเนียมแรกเข้าจะต้องเสียประมาณ 100 บาท แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
ค่าธรรมเนียมรายปี ไม่สามารถทำการยกเว้นได้ หากไม่เสียค่าธรรมเนียมรายปีจะไม่สามารถใช้บัตรเดบิตได้ |
3.ในบางธนาคารไม่มีค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าธรรมเนียมทั้งค่าธรรมเนียมแรกเข้าและค่าธรรมเนียมรายปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทางธนาคาร ในบางธนาคารอาจฟรีค่าธรรมเนียมแต่อาจต้องแลกกับการเสียสิทธิประโยชน์บางประการ เป็นต้น |
4.บัตรเดบิตไม่มีดอกเบี้ย | 4.บัตรเครดิตดอกเบี้ยแพงกว่ามาก แต่ไม่เกิน 18%-20% ต่อปี |
5.ในการใช้บัตรเดบิตกดถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มนั้นมีการแบ่งการคิดค่าธรรมเนียมออกเป็น 4 กรณีคือ
- หากถอนที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารผู้ถือบัตร ภายในเขตจังหวัดเดียวกันจะ “ฟรี” ค่าธรรมเนียมโดยไม่จำกัดจำนวนครั้งในการกด
- หากถอนที่ตู้เอทีเอ็มของธนาคารผู้ถือบัตร แต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดจะเสียค่าธรรมเนียมโดยอันตราการคิดค่าธรรมเนียมจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารกำหนด
- หากถอนตู้เอทีเอ็มของต่างธนาคารภายในเขตจังหวัดเดียวกัน จะ “ฟรี” ค่าธรรมเนียมในการกด 4 ครั้ง/เดือน เมื่อกดตั้งแต่ครั้งที่ 5 เป็นต้นไปจะเริ่มเสียค่าธรรมเนียมโดยอัตราการคิดค่าธรรมเนียมจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารกำหนด
- หากถอนตู้เอทีเอ็มของต่างธนาคารแต่ในพื้นที่ต่างจังหวัดจะเสียค่าธรรมเนียมโดยอัตราการคิดค่าธรรมเนียมจะเป็นไปตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคารกำหนด
|
5.ในการใช้บัตรเครดิตถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มหรือเครื่องรูดบัตร EDC ที่สาขาธนาคารจะเสียค่าธรรมเนียม 3% ของยอดเงินที่กดหรือรูด และยังเสียค่าภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT อีก 7% ด้วย |
6.โครงข่ายการชำระเงินน้อยกว่าบัตรเครดิต โดยมีแค่ 3 ประเภท คือ Visa Card, Master Card และ Unionpay (Unionpay มีในบางธนาคารเท่านั้น) ทำให้การนำไปใช้งานไม่ครอบคลุมเท่าบัตรเครดิต | 6.โครงข่ายของบัตรเครดิตจะกว้างกว่าบัตรเดบิต โดยแบ่งออกเป็น 6 ประเภท คือ Visa Card, Master Card, JCB, Unionpay, American Express และ Virtual |
บทส่งท้ายกับผู้เขียน : หายข้องใจ บัตรเดบิต VS บัตรเครดิต!
ทราบความแตกต่างของบัตรเดบิตและบัตรเครดิตแล้วใช่ไหมคะ ในมุมมองของผู้เขียนนั้นก็คิดว่าทั้งบัตรเดบิตและบัตรเครดิตก็มีดีและไม่ดี ข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน
อย่างบัตรเครดิต เพื่อนๆ ก็สามารถนำเงินในอนาคตมาใช้ในยามฉุกเฉินได้ แต่หากไม่ระวังใช้เงินเกินตัวก็จะกลายเป็นภาระในอนาคตแทนได้ค่ะ
หรือบัตรเดบิตที่มีข้อดีคือการหักจากบัญชีของผู้ถือบัตรโดยตรง ทำให้ไม่ต้องห่วงว่าจะไปก่อหนี้สินแน่นอน แต่กลับกันคือไม่สามารถนำเงินในอนาคตออกมาใช้ได้ยามฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตามผู้เขียนหวังว่าเพื่อนๆ จะได้ความรู้จากบทความนี้ไม่มากก็น้อยนะคะ