Contents
- 1 ตู้บุญเติม ก้าวแรกของ e-KYC เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินที่ง่ายดายกว่าเดิม!
- 2 มารู้จักกับ KYC กันก่อนว่าคืออะไรกัน!?
- 3 e-KYC คืออะไร!?
- 4 ตู้บุญเติม และเทคโนโลยี e-KYC
- 5 ข้อดีและจุดเด่นของการทำ e-KYC กับตู้บุญเติม
- 6 ธนาคารและสถาบันทางการเงินที่เข้าร่วม e-KYC กับตู้บุญเติมมีที่ไหนกันบ้าง!?
- 7 การให้บริการตู้บุญเติมกับเทคโนโลยี e-KYC ในการให้บริการในประเทศไทย
- 8 บทสรุปส่งท้าย : เทคโนโลยี e-KYC กับตู้บุญเติมจะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงธุรกรรมการเงินได้มากขึ้นหรือเปล่า!?
ตู้บุญเติม ก้าวแรกของ e-KYC เพิ่มโอกาสเข้าถึงบริการทางการเงินที่ง่ายดายกว่าเดิม!
ตู้บุญเติม... ตู้สีส้มที่พบได้ตามหน้าร้านสะดวกซื้อทั่วไป เชื่อว่าคงเป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายคนเห็นกันจนชินตา แต่ทราบหรือไม่ว่าเจ้าตู้บุญเติมนี้กำลังได้รับการแปลงโฉมใหม่ในการช่วยทำธุรกรรมด้านการเงินได้อย่างสะดวกรวดเร็วมากขึ้น แถมยังได้รับการอัปเกรดใส่เทคโนโลยียืนยันตัวตนอย่าง e-KYC เข้าไปด้วย ส่วนตู้บุญเติมโฉมใหม่จะมีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้างนั้น ไปติดตามอ่านรายละเอียดกันเลย...
มารู้จักกับ KYC กันก่อนว่าคืออะไรกัน!?
KYC ย่อมาจากคำว่า “Know Your Customer” หากแปลเป็นไทยอย่างตรงตัวก็คือ “กระบวนการทำความรู้จักกับลูกค้า” ที่ช่วยในการระบุและพิสูจน์ตัวตนของลูกค้าได้อย่างถูกต้อง (Identification and Verification) นอกจากนี้ KYC เป็นส่วนหนึ่งของ พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพราะธนาคารและสถาบันทางการเงินเป็นเส้นทางการเงินที่เปิดโอกาสให้เกิดการก่ออาชญากรรม
KYC จึงเป็นการยืนยันและป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการโจรกรรมที่ ณ ปัจจุบันได้มีการเพิ่มจำนวนมากขึ้น รวมไปถึงช่องทางในการขโมยข้อมูลเองก็ได้รับการพัฒนามากขึ้นตามไปด้วยการอาศัยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้เกิดการขโมยเลขบัตรเครดิตหรือเลขประกันสังคม เป็นต้น เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดายมากขึ้น
จากกฎหมายดังกล่าว ทำให้มีการบังคับให้ธนาคารและสถาบันทางทางการเงินต้องทำการตรวจสอบลูกค้าทุกคนที่ทำการเปิดบัญชี เช่น บุคคลธรรมดา นิติบุคคล บุคคล ที่ไม่มีความสามารถตามกฎหมาย (ผู้เยาว์) และองค์กรที่ไม่ใช้นิติบุคคล เช่น ชมรมชุมชน เป็นต้น ด้วยการทำ KYC นั่นเอง อย่างไรก็ตาม KYC ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะโดยทั่วไปแล้วไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคารหรือทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผู้ใช้งานจะต้องทำการเปิดเผยข้อมูลและผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงในข้อมูลของลูกค้าหรือ CDD ที่ย่อมาจาก Customer Due Diligence เป็นต้น
e-KYC คืออะไร!?
e-KYC คือ การยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (electronic Know-Your-Customer) หรือ การทำความรู้จักกับลูกค้าผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการระบุตัวตนและยืนยันตัวตนที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้นกว่าเดิม แทนการทำ KYC แบบเดิม ที่มีความยุ่งยากเสียเวลา เพราะจะต้องให้ผู้ทำการยืนยันตัวตนต้องทำการกรอกข้อมูล ส่งเอกสาร รวมไปถึงการเดินทางไป “แสดงตัวตน” ต่อหน้าของเจ้าหน้าที่สถาบันทางการเงิน
ตู้บุญเติม และเทคโนโลยี e-KYC
ตู้บุญเติม คือ ตู้สำหรับใช้ในการเติมเงินโทรศัพท์มือถือ มีลักษณะเป็นตู้สีส้มที่สามารถพบเห็นได้ตามบริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อทั่วไป ในสมัยก่อนได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่หลังจากที่ค่ายบริษัทมือถือพยายามออกโปรโมชั่นให้คนสนใจเปลี่ยนการเติมเงิน ไปเป็นลูกค้าแบบรายเดือน ทำให้ตู้บุญเติมเองก็ค่อยๆลดบทบาทความสำคัญลง แต่ในขณะเดียวกัน ตู้บุญเติมก็ได้เปลี่ยนมามีบทบาทในการร่วมมือกับสถาบันการเงินและธนาคารในการเป็นจุด e-KYC ด้วยเทคโนโลยี Facial Recognition การยืนยันตัวตนด้วยใบหน้า ที่ทำการตรวจจับจุดบนใบหน้า 512 จุด ซึ่งแต่ละจุดจะแทนรหัสผ่าน 1 ตัว ทำให้เป็นการยากในการปลอมแปลงข้อมูลรหัสทั้งหมดเป็นอย่างมาก เพื่อให้เป็นจุดยืนยันการทำธุรกรรมการเงินที่สามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
ข้อดีและจุดเด่นของการทำ e-KYC กับตู้บุญเติม
ลูกค้าของสถาบันการเงินและธนาคาร สามารถยืนยันตัวตนผ่านตู้บุญเติมพร้อมกับรับสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ ผ่านเครือข่าย NDID โดยมีความน่าสนใจ ดังต่อไปนี้
- ช่วยให้ลูกค้ารายย่อยทั่วประเทศ เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น
- ระบบใช้งานง่าย ไม่กี่ขั้นตอน ไม่ต้องเซ็นเอกสาร หรือสำเนาบัตรประชาชน
- ไม่ต้องเดินทางไปยังสาขาของธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน
- สมัครเปิดบัญชีเงินฝาก
- ขอสินเชื่อ
- ซื้อประกัน
- สมัคร e-Wallet
- บริการขอตรวจสอบประวัติกับเครดิตบูโรและประวัติทางการเงินอื่นๆ
ธนาคารและสถาบันทางการเงินที่เข้าร่วม e-KYC กับตู้บุญเติมมีที่ไหนกันบ้าง!?
ในปี 2563 สถาบันทางการเงินและธนาคารที่เข้าร่วม e-KYC กับตู้บุญเติมนั้น ที่ให้ความร่วมมือเห็นได้อย่างชัดเจนคือ “ธนาคารกสิกรไทย” ที่จะเปิดให้บริการทำธุรกรรมอย่างครบวงจรได้อย่างสะดวกรวดเร็วและน่าสนใจ
การให้บริการตู้บุญเติมกับเทคโนโลยี e-KYC ในการให้บริการในประเทศไทย
ทางผู้ให้บริการตู้บุญเติมคาดการเอาไว้ว่า เทคโนโลยี e-KYC ที่มอบความสะดวกสบายให้กับผู้ให้กับการทำธุรกรรมทางเงินดังกล่าวจะพร้อมให้บริการประมาณช่วงปลายปี 2563 โดยจะทำการติดตั้งตู้บุญเติมเอาไว้ที่บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อและแหล่งชุมชนทั่วประเทศ 1,300 จุด และจะเพิ่มขึ้นเป็น 3,000 จุด ในช่วงสิ้นปี 2563
บทสรุปส่งท้าย : เทคโนโลยี e-KYC กับตู้บุญเติมจะช่วยให้ผู้คนเข้าถึงธุรกรรมการเงินได้มากขึ้นหรือเปล่า!?
จากข้อมูลในข้างต้น... จะเห็นได้ว่าตู้บุญเติมจากเดิมที่เป็นเพียงตู้เติมเงินโทรศัพท์ธรรมดาทั่วไป ได้ก้าวเข้ามาสู่การเป็นแหล่งอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมการเงินได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยการใช้เทคโนโลยี e-KYC และนี่อาจเป็นก้าวแรกที่จะทำให้ประเทศไทย สามารถทำธุรกรรมได้อย่างสะดวกรวดเร็วในทุกที่ โดยไม่จำเป็นที่จะต้องพกพาเอกสารยืนยันตัวตนให้วุ่นวายใจอีกต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้...