Contents
- 1 ยืมเงินทางไลน์ ดำเนินคดีได้ ไม่ต้องรอถึงศาลฎีกา พร้อมขั้นตอนดำเนินการที่ไม่ควรพลาด!
- 2 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
- 3 พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544
- 4 หลักฐานสำหรับการแจ้งความยืมเงินทางไลน์ เพื่อเข้าสู้ชั้นศาลชั้นต้น-ฎีกา
- 5 บทสรุปส่งท้าย : ยืมเงินทางไลน์ต้องดำเนินคดีจนถึงศาลฎีกาหรือเปล่า!?
ยืมเงินทางไลน์ ดำเนินคดีได้ ไม่ต้องรอถึงศาลฎีกา พร้อมขั้นตอนดำเนินการที่ไม่ควรพลาด!
เจ้าหนี้หลายคนอาจรู้สึกปวดหัว... เมื่อถูกยืมเงินผ่านทาง APP ไลน์ แล้วลูกหนี้หลายคนหัวหมอว่า การยืมเงินโดยไม่ได้ทำสัญญาต่อกันไม่สามารถทำการทวงเงินคืนได้ แต่ที่จริงแล้วความเชื่อดังกล่าวผิดถนัด เพราะในทางกฎหมายแล้วการยืมเงินทางไลน์สามารถดำเนินคดีได้ แถมยังไม่ต้องรอนานจนถึงศาลฎีกาอีกด้วย ส่วนจะต้องทำอย่างไรบ้าง สามารถติดตามอ่านจากบทความชิ้นนี้กันได้เลย...
ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653
การกู้ยืมเงินกว่าสองพันบาทขึ้นไป ถ้ามิได้มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อของผู้ยืมเป็นสำคัญ จะฟ้องรองคดีหาได้ไม่
พระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544
หากมองเพียงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 จะเห็นได้ว่าหากไม่มีหลักฐานการยืมเงินโดยไม่ได้ทำสัญญาผ่านแอปฯไลน์อย่างชัดเจนไม่ต้องรอถึงศาลฎีกา เรื่องราวก็ยังไม่เพียงพอที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเลยด้วยซ้ำ แต่จากพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 สามารถช่วยทำให้สามารถทำการทวงหนี้ฟ้องร้องการยืมเงินผ่านไลน์ได้ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
“ธุรกรรม” หมายความว่า การกระทําใดๆ ที่เกี่ยวกับกิจกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ หรือ ในการดําเนินงานของรัฐตามที่กําหนดในหมวด 4 “ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ธุรกรรมที่กระทําขึ้นโดยใช้วิธีการทาง อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด หรือแค่บางส่วน
“ข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์” หมายความว่า ข้อความที่ได้สร้าง ส่ง รับ เก็บรักษา หรือ ประมวลผลด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น วิธีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ โทรเลข โทรพิมพ์ หรือโทรสาร
มาตรา 7 ห้ามมิให้ปฏิเสธความมีผลผูกพันและการบังคับใช้ทางกฎหมายของข้อความใด เพียงเพราะเหตุที่ข้อความนั้นอยู่ในรูปของข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์
มาตรา 8 ภายใต้บังคับบทบัญญัติแห่งมาตรา 9 ในกรณีที่กฎหมายกําหนดให้การใดต้องทํา เป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดง ถ้าได้มีการจัดทําข้อความขึ้นเป็นข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถเข้าถึง และนํากลับมาใช้ได้โดยความหมายไม่เปลี่ยนแปลง ให้ถือว่าข้อความนั้นได้ทําเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือ หรือมีเอกสารมาแสดงแล้ว
***ตามมาตรา 8 หมายความว่า กายืมเงินออนไลน์ได้ทำเป็นหนังสือ มีหลักฐานเป็นหนังสือหรือมีเอกสารมาแสดงแล้ว โดยต้องเตรียมหลักฐานมาประกอบด้วย โดยมีรายละเอียดที่ควรทราบดังต่อไปนี้
หลักฐานสำหรับการแจ้งความยืมเงินทางไลน์ เพื่อเข้าสู้ชั้นศาลชั้นต้น-ฎีกา
1.หลักฐานข้อความสนทนาในการขอกู้ยืมเงิน ผ่านแชท หรือกล่องข้อความออนไลน์
2.หลักฐานบัญชีผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ของผู้กู้ยืมเงิน เช่น แอปฯ ไลน์ รวมทั้งกิจกรรมอื่นๆที่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นบัญชีไลน์ของจำเลย โดยทำการแคปเจอร์ข้อความที่สนทนาประกอบด้วย
3.หลักฐานการโอนเงินผ่านธนาคาร หรือแอปพลิเคชันของธนาคาร (หากชื่อบัญชีของผู้ใช้ในสื่อสังคมออนไลน์กับชื่อของเจ้าของบัญชีไม่ตรงกัน ควรให้ผู้ขอทำการกู้ยืมทำการยืนยันและอธิบายว่าเป็นบัญชีธนาคารของใคร มีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้ข้อกู้ยืมเงิน พร้อมกับทำการตรวจชื่อ-นามสกุล ให้ถูกต้อง
4.หลักฐานทะเบียนราษฎร์ของจำเลย หากมีการเปลี่ยนชื่อ ต้องมีหลักฐานในการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล ด้วย
5.รายการเคลื่อนไหวทางบัญชีของทั้งฝ่ายโจทก์ที่ทำการโอนเงินออก และของจำเลยที่โอนเงินเข้า โดยสามารถระบุเอาไว้ในหมายเรียกพยานเอกสารจำนวนเงิน ได้รับโอนมาจากบัญชีหมายเลขใดและชื่อบัญชีใด
บทสรุปส่งท้าย : ยืมเงินทางไลน์ต้องดำเนินคดีจนถึงศาลฎีกาหรือเปล่า!?
โดยทั่วไปแล้ว... คดีเกี่ยวกับการยืมเงินทางไลน์ ไม่ต้องรอนานจนศาลฎีกาเพราะโดยทั่วไปแล้วคดีนี้ มักที่จะจบลงในศาลเพ่ง ดังนั้น ถ้าหากใครกำลังปวดหัวที่ถูกยืมเงินทางไลน์ แต่ไม่ยอมทำการใช้คืน ขอแนะนำเลยว่าสามารถการฟ้องร้องเพื่อให้อีกฝ่ายทำการชำระหนี้ได้อย่างไม่ยาก ผ่านขั้นตอนแนะนำในข้างต้นกันได้เลย...