Contents
ความแตกต่างของประกันชั้น 1 กับชั้น 2 มีอะไรบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ!!
สิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับคนมีรถนั่นก็คือประกันภัย แต่ว่าประกันภัยสำหรับรถยนต์มีตั้งหลายแบบหลายชั้น ที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ เลยก็คือประกันภัยชั้น 1 กับชั้น 2 ดังนั้นหลายคนอาจเกิดข้อสงสัยเหมือน ๆ กันว่า แล้วไอ้ประกันภัยชั้น 1 กับชั้น 2 นี่มันคืออะไร? แล้วมันต่างกันตรงไหน วันนี้เราเลยจะมาเปรียบเทียบให้เห็นกันไปเลยว่าประกันภัยแต่ละชั้นคุ้มครองส่วนไหนบ้าง? เหมือนหรือต่างกันอย่างไร? ไปหาคำตอบกันเลย!!
ประกันภัยรถยนต์คืออะไร?
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับประกันภัยสำหรับรถยนต์กันก่อนว่าคืออะไร ประกันภัยรถยนต์ก็คือประกันความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถ รวมไปถึงทรัพย์สิน และร่างกายของทั้งผู้ถือประกันและคู่กรณี อันเกิดจากรถที่ทำประกัน โดยเป็นไปตามข้อตกลงและเงื่อนไขของกรมธรรม์แต่ละเล่ม
ประกันภัยรถยนต์มีกี่ประเภท?
ประกันภัยรถยนต์หลัก ๆ แล้วมีสองประเภท ได้แก่ ประกันภาคบังคับ (พรบ.) เป็นประกันภัยที่กฎหมายบังคับให้รถทุกคันต้องมี ซึ่งจะคุ้มครองในกรณีที่เกิดการบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของทั้งผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลอื่น ๆ อันมีสาเหตุมาจากรถยนต์ที่ทำประกันไว้ โดยที่มีวงเงินคุ้มครองสูงสุดที่ 500,000 บาท แต่ไม่จะไม่คุ้มครองในส่วนความเสียหายต่อรถยนต์และทรัพย์สินอื่น ๆ ส่วนประกันภัยอีกประเภทก็คือ ประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งเป็นประกันภัยสำหรับรถยนต์ที่ผู้ซื้อสามารถเลือกทำได้ตามความพึงพอใจ ไม่ได้ถูกบังคับต่างกฎหมาย โดยมีรายละเอียดความคุ้มครองแตกต่างกันไปแล้วแต่กรมธรรม์
ประเภทความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์มีอะไรบ้าง?
ประกันภัยแต่ละชนิดให้ความคุ้มครองแตกต่างกัน โดยสามารถจำแนกประเภทความคุ้มครองออกได้เป็น 5 ประเภท ดังต่อไปนี้
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก (Third Party Bodily Injury: TPBI) ซึ่งเป็นการให้ความคุ้มครองกรณีบาดเจ็บหรือเสียชีวิตของบุคคลภายนอกและผู้โดยสารในรถที่ทำประกันไว้ โดยมีวงเงินประกันขั้นต่ำอยู่ที่ 100,000 บาทต่อคน และ 10,000 บาทต่อครั้ง
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก (Third Party Property Damage: TPPD) เป็นการให้ความคุ้มครองต่อทรัพย์สินใด ๆ ก็ตามของบุคคลภายนอกอันเกิดจากรถยนต์ที่ทำประกันไว้ โดยมีวงเงินขั้นต่ำอยู่ที่ 200,000 บาทต่อครั้ง
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์ (Own Damage: OD) เป็นการให้ความคุ้มครองต่อความเสียหายที่เกิดรถยนต์ที่ทำประกัน รวมทั้งอุปกรณ์ตกแต่ง และส่วนที่ควบติดอยู่กับรถยนต์ด้วย แต่ไม่ได้ครอบคลุมในกรณีเกิดไฟไหม้ โดยมีวงเงินคุ้มครองขั้นต่ำที่ 50,000 บาทเป็นต้นไป โดยผู้ทำประกันควรพิจารณาเลือกกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 80% ของราคารถยนต์ในวันที่ทำประกัน
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์ (Fire and Theft: F&T) เป็นการให้ความคุ้มครองต่อรถยนต์หรือชิ้นส่วนของรถยนต์ หากเกิดการสูญหาย ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากการลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ หรือเป็นผลมาจากการพยายามกระทำดังกล่าวนั้น และคุ้มครองรถยนต์หรือชิ้นส่วนของรถยนต์ หากเกิดความเสียหายจากไฟไหม้ ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากตัวรถยนต์เองหรือสาเหตุอื่นก็ตาม
- ความคุ้มครองอื่น ๆ ได้แก่
- การประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident) เป็นการชดเชยค่าสินไหมกรณีเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลให้เกิดการบาดเจ็บของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- การประกันภัยค่ารักษาพยาบาล (Medical Expense) บริษัทจะเป็นผู้จ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าบริการทางการแพทย์ และค่าบริการอื่น ๆ ตามจำนวนที่จ่ายจริง ให้กับผู้ขับขี่/ผู้โดยสาร จากอุบัติเหตุอันมีสาเหตุมาจากรถยนต์ที่ทำประกัน โดยมีระยะเวลาการคุ้มครองนับตั้งแต่วันที่เกิดอุบัติเหตุเป็นเวลา 1 ปี
- การประกันตัวผู้ขับขี่ (Bail Bond) บริษัทจะจ่ายค่าประกันตัวให้แก่ผู้ทำประกันหรือบุคคลที่ขับขี่รถคันที่ประกันไว้ตามความยินยอมของผู้ทำประกัน หากถูกจับกุมในคดีอาญาอันมีสาเหตุมาจากอุบัติเหตุทางรถยนต์จากรถคันที่ทำประกันไว้
1ประกันภัยชั้น 1
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 หรือประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 (Comprehensive) เป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองมากกว่าประเภทอื่น ๆ โดยครอบคลุมความคุ้มครองถึง 4 ประเภทเป็นอย่างต่ำ ได้แก่
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อความเสียหายของตัวรถยนต์
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์
2ประกันภัยชั้น 2
ประกันภัยชั้น 2 หรือประกันภัยรถยนต์ประเภท 2 (Third Party Liability, Fire and Theft) เป็นกรมธรรม์ที่ให้ความคุ้มครองขั้นต่ำใกล้เคียงกับกับประกันชั้น 1 แตกต่างกันแค่ไม่มีความคุ้มครองต่อความเสียหายของตัวรถยนต์ โดยมีความคุ้มครองหลักดังต่อไปนี้
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย หรืออนามัยของบุคคลภายนอก
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก
- ความคุ้มครองความรับผิดต่อความสูญหายและไฟไหม้ของตัวรถยนต์
บทสรุปส่งท้าย: ทำประกันดีไหม? แล้วทำประกันชั้นไหนดี?
ประกันภัยภาคบังคับนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าของรถยนต์ต้องทำตามที่กฎหมายกำหนด แต่ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจนั้นจะทำหรือไม่ทำก็ได้ เพียงแต่หากไม่ทำเจ้าของรถก็จะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่เป้นอย่างยิ่ง และต้องแบกรับความเสี่ยงทั้งหมดเองหากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ไม่มีความช่วยเหลือในการไกล่เกลี่ยเจรจา แบกรับหรือชดเชยค่าเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นผู้เขียนคิดว่าควรทำประกันติดรถไว้จะดีกว่า ส่วนจำทำประกันชั้นไหนนั้นก็ต้องพิจารณาตามไลฟ์สไตล์ พฤติกรรมในการขับขี่และความชำนาญของผู้ขับขี่แต่ละคนนั่นแหละนะ...