- เบี้ยประกันชีวิตและสุขภาพรวมกันแล้วลดหย่อนสูงสุดได้ไม่เกิน 100,000 บาท
- ต้องแจ้งกับบริษัทประกันภัยเสมอว่าต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ก่อนวันที่ 7 ม.ค. ของทุกปี
- หากแจ้งสิทธิกับบริษัทประกันภัยแล้ว กรมสรรพากรจะไม่ขอหลักฐานการชำระเงินเพิ่มเติม
- จำนวนของเบี้ยลดหย่อนของทุกคนจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบของประกันและเบี้ยประกันภัยที่จ่าย
Contents
- 1 อยากใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีมีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้าง อ้างอิงข้อมูลน่าสนใจในปี 2563-2565
- 1.1 ข้อมูลปี 2563-2565 เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี ประกันชีวิตและสุขภาพรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
- 1.2 ประกันสุขภาพที่นำมาลดหย่อนภาษีได้
- 1.3 ต้องแจ้งสิทธิกับบริษัทประกันภัยเสมอว่าต้องการใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี
- 1.4 หลักฐานที่จำเป็นต้องใช้สำหรับยื่นเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีกับทางสรรพากรในปี 2563-2565
- 1.5 ทำไมเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (ข้อมูล 2563-2565)
- 2 ส่งท้ายก่อนจาก #อยากใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี ในปี 2563-2565 การวางแผนที่ดีคือคำตอบ
อยากใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีมีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้าง อ้างอิงข้อมูลน่าสนใจในปี 2563-2565
สำหรับคนที่สมัครทำประกันภัย หลายคนอาจจะทราบกันดีกว่าเบี้ยประกันสามารถนำมาช่วยลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงสิ้นปีให้น้อยลงได้กว่าเดิม ในขณะเดียวกันก็มีอีกหลายประเด็นหลายเรื่องเช่นกันที่คนอยากใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีไม่เคยทราบมาก่อน ซึ่งบทความนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลน่ารู้ในปี 2563-2565 มาฝากกัน เชื่อว่าจะช่วยทำให้การนำเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีเป็นไปได้อย่างเหมาะสมมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมได้อย่างแน่นอน
ข้อมูลปี 2563-2565 เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี ประกันชีวิตและสุขภาพรวมกันแล้วไม่เกิน 100,000 บาท
โดยพื้นฐานแล้วเบี้ยประกันลดหย่อนภาษี สำหรับประกันสุขภาพจะอยู่ที่สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท (ปรับเพิ่มขึ้นจากปี 2563 เดิม 15,000 บาท) เมื่อรวมกับประกันชีวิตทั่วไปและประกันชีวิตแบบมีเงินฝาก จะได้รับสิทธิเบี้ยประกันลดหย่อนภาษี “ไม่เกิน 100,000 บาท” เท่านั้น
ประกันสุขภาพที่นำมาลดหย่อนภาษีได้
- ประกันสุขภาพ
- ประกันภัยอุบัติเหตุ
- ประกันภัยโรคร้ายแรง
- ประกันภัยการดูแลระยะยาว
ประเด็นนี้หมายความว่า ต่อให้ทำประกันมากเพียงใด ก็จะได้รับสิทธิเพดานในการเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีเพียง 100,000 บาท เท่านั้น การทำประกันมากจนความพอดีก็ไม่ได้ช่วยให้ลดหย่อนภาษีได้มากกว่าจำนวนดังกล่าว นอกจากนี้ยังมีเบี้ยประกันอื่น ๆ ที่สามารถนำมาใช้ในการลดหย่อนภาษีได้อีกเช่น
- เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญที่ทำให้ตัวเอง เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีไม่เกิน 200,000 บาท และไม่เกิน 15% ของเงินได้ที่ต้องเสียภาษี เป็นต้น
- เบี้ยประกันที่ซื้อให้พ่อแม่ สูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท (*พ่อแม่ต้องมีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท / ปี)
- เบี้ยประกันที่ซื้อให้คู่สมรส สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท (*คู่สมรสต้องไม่มีรายได้)
ต้องแจ้งสิทธิกับบริษัทประกันภัยเสมอว่าต้องการใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี
นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นมา ผู้ทำประกันที่มีความต้องการใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี ต้องแจ้งความประสงค์กับทางบริษัทประกันภัยด้วยเช่นกัน โดยต้องทำก่อนวันที่ 7 ม.ค. ของทุกปี อันเป็นช่วงเวลาที่บริษัทประกันภัยจะทำการส่งข้อมูลให้กับทางกรมสรรพากรและยังเป็นการป้องกันไม่ให้ทางกรมสรรพากรขอเอกสารอีกในภายหลัง
หลักฐานที่จำเป็นต้องใช้สำหรับยื่นเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีกับทางสรรพากรในปี 2563-2565
ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา บางครั้งเมื่อทำการยื่นภาษีทางกรมสรรพากรจะทำการขอข้อมูลและเอกสารประกอบการขอเบี้ยประกันลดหย่อนภาษี อาทิเช่น ใบเสร็จ บิล หนังสือรับรองการชำระเบี้ยประกัน ที่มีการระบุชื่อ-นามสกุล เลขประจำตัวของผู้เอาประกันภัย ที่อยู่ เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของบริษัทประกัน จำนวนเบี้ยประกันและจำนวนเงินที่มีสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้ เป็นต้น
ทำไมเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีของแต่ละคนไม่เหมือนกัน (ข้อมูล 2563-2565)
โดยพื้นฐานแล้ว สิทธิในการใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน เนื่องจากรูปแบบของประกันและเบี้ยประกันที่จ่ายให้กับทางบริษัทประกันภัยมีความแตกต่างกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่จำนวนของเบี้ยประกันลดหย่อนภาษีจะไม่เท่ากันไปด้วย แต่ถ้าหากเข้าใจรูปแบบของเบี้ยประกันทั้งหมดแล้วก็เชื่อว่าจะช่วยทำให้ใช้สิทธิในการลดหย่อนของตัวเองได้อย่างเหมาะสมอย่างแน่นอน
ส่งท้ายก่อนจาก #อยากใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษี ในปี 2563-2565 การวางแผนที่ดีคือคำตอบ
หลังจากที่ได้ทำความรู้จักกับเบี้ยประกันลดหย่อนภาษี ในรูปแบบต่าง ๆ ตามข้อมูลในปี 25632565 กันไปแล้วในข้างต้น เชื่อว่า ณ ตอนนี้หลายคนก็คงจะเริ่มมองเห็นภาพรวมแล้วว่าการวางแผนใช้เบี้ยประกันลดหย่อนภาษีอย่างเหมาะสม เต็มเพดาน เป็นการช่วยลดภาษีที่ต้องจ่ายในช่วงสิ้นปีได้เป็นอย่างดี เมื่อรู้แบบนี้แล้วก็อย่ามัวรอช้า เลือกแผนประกันที่คุ้มค่าเหมาะกับตัวเองเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนอย่างเหมาะสมกับตัวเองเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ เชื่อว่าจะเป็นผลดีที่สุดอย่างแน่นอน