Contents
- 1 ผู้สูงอายุ เรื่องอาจเยอะกว่าที่คิด มารู้จักกับ 10 เรื่องควรรู้ก่อนทำประกันอุบัติเหตุและสุขภาพผู้สูงอายุกัน!
- 2 10 เคล็ดลับที่ควรรู้ในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ+ประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุ
- 3 1.ประกันสุขภาพ คืออะไร!?
- 4 2.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุให้ความคุ้มครองในด้านใดบ้าง!?
- 5 3.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุควรทำในช่วงเวลาใด!?
- 6 4.ควรเลือกทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุแบบใด!?
- 7 5.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่น่าสนใจในปัจจุบันมีที่ไหนกันบ้าง!?
- 8 6.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุช่วยลดหย่อนภาษีได้
- 9 7.ประกันสุขภาพกับประกันอุบัติเหตุของผู้สูงอายุต่างกันอย่างไร!?
- 10 8.ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุช่วยลดหย่อนภาษีได้
- 11 9.ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ ไม่ต้องสำรองจ่าย
- 12 10.ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุเบี้ยประกันค่อนข้างถูก
- 13 บทสรุปส่งท้าย : ประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพผู้สูงอายุดีไหม!?
ผู้สูงอายุ เรื่องอาจเยอะกว่าที่คิด มารู้จักกับ 10 เรื่องควรรู้ก่อนทำประกันอุบัติเหตุและสุขภาพผู้สูงอายุกัน!
เมื่ออายุร่วงโรยเข้าสู่วัยสูงอายุ... ไม่ว่าจะเพื่อตัวเองหรือคนใกล้ตัว ก็ควรให้ความใส่ใจกับเรื่องของสุขภาพมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพด้วยเช่นกัน ดังนั้น หากต้องทำประกันภัยสำหรับผู้สูงอายุ การเลือก “ประกันสุขภาพ+ประกันภัย” จึงมีความสำคัญเป็นอย่างมากนั่นเอง ดังนั้น เพื่อให้การเลือกประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพของผู้สูงอายุกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดายมากขึ้น มาดูกันดีกว่าว่า มีเรื่องอะไรที่ควรรู้และให้ความใส่ใจกันบ้าง!?
10 เคล็ดลับที่ควรรู้ในการเลือกซื้อประกันสุขภาพ+ประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้สูงอายุ
1.ประกันสุขภาพ คืออะไร!?
สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ให้คำจำกัดความหมายของการประกันสุขภาพเอาไว้ว่า “เป็นการประกันภัย ที่บริษัทประกันภัยตกลงจะชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น จากการเจ็บป่วยจากโรคภัยหรือการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุให้แก่ผู้เอาประกัน”
2.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุให้ความคุ้มครองในด้านใดบ้าง!?
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุ ต้องให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่าย 7 ข้อ ดังต่อไปนี้
ค่าใช้จ่ายในการรักษาตัว ได้แก่ ค่าห้องและค่าอาหาร ค่าบริการทั่วไปและค่าใช้จ่ายกรณีเข้ารับการรักษาฉุกเฉิน
- ค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัด อาทิ ค่าปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการผ่าตัด
- ค่าใช้จ่ายอันเกิดจากการให้แพทย์มาดูแล (ค่าแพทย์เข้าเยี่ยม)
- ค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษาแบบผู้ป่วยนอก (OPD)
- ค่าใช้จ่ายในการคลอดบุตร
- ค่าใช้จ่ายจากการรักษาฟัน
- การชดเชยค่าใช้จ่าย เช่น ชดเชยรายได้รายวัน
3.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุควรทำในช่วงเวลาใด!?
การทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุ แบบที่หวังผลในการช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลเมื่อต้องเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยนอกควรทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุในช่วงอายุไม่เกิน 60-70 ปี และต้องยังมีสุขภาพที่แข็งแรง ไม่มีประวัติในการเป็นโรคประจำตัวหรือโรคร้ายแรง
4.ควรเลือกทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุแบบใด!?
โดยทั่วไปแล้วประกันสุขภาพผู้สูงอายุในปัจจุบัน มักจะเน้นเพียงแค่ความคุ้มครองการชดเชยรายได้ต่อวันเมื่อต้องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลและรับความคุ้มครองกรณีเสียชีวิต ขึ้นอยู่กับทุนของประกันที่จ่าย ดังนั้น ขอแนะนำว่าควรทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่ได้รับการคุ้มครองอย่างครบถ้วนทั้ง 7 ข้อ ที่ได้กล่าวถึงไปแล้วในตอนต้น ในช่วงอายุที่สามารถทำประกันสุขภาพผู้สูงอายุได้ ในช่วงที่ยังแข็งแรงและยังตรวจไม่พบโรคภัยร้ายแรงที่เป็นกรณียกเว้นการรับการประกันจะเป็นการดีที่สุด
5.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่น่าสนใจในปัจจุบันมีที่ไหนกันบ้าง!?
สำหรับคนที่กำลังมองหาประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่ให้ความคุ้มครองเหมาะสมกับตัวเองแล้วยังตัดสินใจไม่ว่าควรเลือกทำกับประกันสุขภาพผู้สูงอายุที่ไหนดี ลองมารู้จักกับประกันสุขภาพผู้สูงอายุดังต่อไปนี้กัน
บริษัทประกัน | จุดเด่นที่น่าสนใจของประกันผู้สูงอายุ |
ประกันชีวิต 50 อัพ (เพื่อผู้สูงอายุ) - AIA | · ให้ความคุ้มครองตั้งแต่ 50,000 – 300,000 บาท
· กรณีจ่ายครบสัญญาได้รับเงินคืน 150% |
เมืองไทยวัยเก๋า คุ้มทั่วไทย (เพื่อผู้สูงอายุ) - เมืองไทยประกันชีวิต | · จ่ายค่าชดเชยรายได้รายวันเมื่อเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล (*ห้องธรรมดาและ ICU)
· ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุ · ไม่ต้องสำรองจ่าย |
มรดกเพิ่มพูน (เพื่อผู้สูงอายุ) - ไทยประกันชีวิต | · ครบสัญญาได้เงินคืน
· คุ้มครองจากการเจ็บป่วยและอุบัติเหตุสูงสุด 450,000 บาท |
ประกันชีวิตสูงวัย ได้เกินร้อย (เพื่อผู้สูงอายุ) - อลิอันซ์ | · แผนประกันชีวิตพ่วงประกันสุขภาพ
· คุ้มครองถึงอายุ 90 ปี · เบี้ยประกันใช้ลดหย่อนภาษีตามชื่อของผู้เอาประกันได้ |
6.ประกันสุขภาพผู้สูงอายุช่วยลดหย่อนภาษีได้
ประกันสุขภาพผู้สูงอายุหลายแผนสามารถช่วยให้บุตรที่ซื้อประกันให้กับพ่อแม่ได้รับการลดหย่อนภาษีด้วย แต่จำเป็นที่จะต้องสอบถามกับตัวแทนขายประกันให้ดีว่าแผนที่เลือกใช้นั้น สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้เฉพาะผู้ที่มีชื่อเอาประกันภัย หรือใช้ในการลดหย่อนภาษีในนามของบุตรที่เป็นผู้ชำระเบี้ยได้ เพื่อใช้เป็นตัวช่วยในการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในช่วงปลายปี ทำให้มีโอกาสได้รับภาษีคืนต่อปีตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร
7.ประกันสุขภาพกับประกันอุบัติเหตุของผู้สูงอายุต่างกันอย่างไร!?
ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล หรือ Personal Accident (PA) เป็นเงินที่จ่ายชดเชยให้กรณีที่เกิดการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ ค่ารักษาพยาบาลเหมือนกับประกันสุขภาพ อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่ไม่เหมือนกันก็คือ หากทำประกันสุขภาพเอาไว้เพียงอย่างเดียว หากเกิดอาการบาดเจ็บเล็กน้อยโดยไม่ต้องนอนโรงพยาบาลจะไม่สามารถทำการเบิกใช้ประกันสุขภาพที่มีอยู่ได้ แต่หากมีประกันอุบัติเหตุด้วยก็จะสามารถเบิกใช้ได้นั่นเอง
8.ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุช่วยลดหย่อนภาษีได้
ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ สามารถนำมาใช้ในการช่วยลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน ตามนโยบายของรัฐที่ให้ความสำคัญกับการทำประกัน เพื่อให้ประชาชนมีความปลอดภัยและมั่นคงในชีวิต รวมไปถึงรู้จักการออมเงินให้มากขึ้นกว่าเดิม
9.ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ ไม่ต้องสำรองจ่าย
หากผู้สูงอายุเกิดประสบอุบัติเหตุขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย ตามอายุที่มากขึ้นจนต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเอกชนก็ต้องไม่ต้องเป็นกังวลในเรื่องของค่ารักษาพยาบาล แม่จะเป็นอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็จะได้รับการรักษาได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องสำรองจ่าย
10.ประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุเบี้ยประกันค่อนข้างถูก
เบี้ยประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุค่อนข้างที่จะถูก ทำให้เหมาะอย่างมากกับคนที่มีกำลังทรัพย์อาจไม่มากมากนัก แต่อยากที่จะได้รับการคุ้มครองหากเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันขึ้นกับผู้สูงอายุ หรืออาจทำให้กับบิดามารดาที่สูงอายุแล้ว ก็จะเป็นการช่วยการันตีความอุ่นใจได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
บทสรุปส่งท้าย : ประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพผู้สูงอายุดีไหม!?
จากข้อมูลที่ได้ยกมากล่าวถึงกันไปแล้วในตอนต้น... จะเห็นได้ว่าทั้งประกันอุบัติเหตุและประกันสุขภาพของประกันอุบัติเหตุผู้สูงอายุ ประกันทั้งสองประเภทนี้ ล้วนแล้วแต่มอบข้อเสนอที่น่าสนใจเป็นอย่างมากให้กับผู้สูงอายุ หรือบุตรหลานที่ต้องการความมั่นใจว่าผู้สูงอายุจะได้รับการดูแลอย่างเหมาะสมครอบคลุม ได้อย่างสบายใจอย่างแน่นอน...