- ประกันรถยนต์ชั้น 2 เบี้ยประกันถูกกว่าเกือบพันบาท ให้ความคุ้มครองน้อยกว่าและไม่คุ้มครองรถยนต์ของผู้ทำประกัน หากเกิดอุบัติเหตุต้องเสียค่าซ่อมเอง
- ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เบี้ยประกันสูงกว่า ได้รับความนิยมมากกว่า ให้ความคุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์ของผู้ทำประกัน (ต้องมีคู่กรณี)
Contents
ทำประกันรถยนต์ทั้งทีเลือกแบบชั้น 2 หรือชั้น 2+ ถึงคุ้มค่า คุ้มเงินมากที่สุด มาฟังข้อมูลประกอบการตัดสินใจกัน
การใช้รถ ใช้ถนน สิ่งที่อันตรายและให้ความสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ “อุบัติเหตุ” ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่ถึงจะระมัดระวังมากสักเพียงใดหลายครั้งอุบัติเหตุก็ยังสามารถเกิดขึ้นมาได้อย่างไม่คาดฝัน ไม่ให้โอกาสในการตั้งตัวได้เช่นกัน
ถ้าหากใครกำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าควรทำประกันรถยนต์แบบชั้น 2 หรือ 2+ ถึงจะมีความเหมาะสมมากที่สุด ลองมาติดตามอ่านข้อมูลที่น่าสนใจต่อไปนี้ เชื่อว่าจะช่วยให้การตัดสินใจเลือกในประเด็นนี้เป็นไปได้อย่างสบายใจและคุ้มค่ามากที่สุดอย่างแน่นอน
ความคุ้มครองที่เหมือนกันของประกันรถยนต์ชั้น 2 และ 2+ มีอะไรกันบ้าง?
โดยพื้นฐานแล้วประกันรถยนต์แบบชั้น 2 และ 2+ มีส่วนของการคุ้มครองที่ค่อนข้างคล้ายกันในหลายประเด็น ดังต่อไปนี้
- ความคุ้มครองรถยนต์ในกรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้
- ความคุ้มครองกรณีรถยนต์ถูกโจรกรรม
- ความคุ้มครองอุบัติเหตุรถชนต่อทรัพย์สินและอื่น ๆ ต่อบุคคลที่สาม
- ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตและค่ารักษาพยาบาลต่อบุคคลที่สาม
- ความคุ้มครองการประกันตัวผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
- ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลและค่าชดเชยหากเสียชีวิตของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ประกันรถยนต์แบบชั้น 2 น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง
ประกันรถยนต์ชั้น 2 มีข้อดีที่น่าสนใจมากที่สุดคือ “เบี้ยประกันที่ถูกมาก” ทำให้คนที่มีงบน้อยก็สามารถที่จะทำประกันรถยนต์ชั้น 2 ได้อย่างไม่ยาก จึงไม่น่าแปลกใจนักที่ทำให้ประกันภัยรถยนต์ระดับนี้จะกลายมาเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างมาก
ประกันรถยนต์แบบชั้น 2+ น่าสนใจอย่างไรกันบ้าง
สำหรับประกันรถยนต์ชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองในการซ่อมรถยนต์ของทั้งสองฝ่ายเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นมา (ต้องมีคู่กรณี) และยังให้การรับประกันหากเกิดกรณีรถยนต์สูญหายอีกด้วย เหมาะกับคนที่ไม่มีพื้นที่ในการจอดรถยนต์เอาไว้ในบ้านที่มีรั้วรอบขอบชิดเป็นอย่างมาก
เรียกได้ว่าประกันรถยนต์แบบชั้น 2+ ให้ความคุ้มครองรถยนต์ใกล้เคียงกับประกันรถยนต์ชั้น 1 สิ่งที่ทำให้ประกันทั้งสองชั้นมีความแตกต่างกันคือ ประกันรถยนต์แบบชั้น 2+ จะต้องมีคู่กรณียามเมื่อเกิดอุบัติเหตุเท่านั้นจึงจะสามารถทำการเคลมประกันได้
ประกันรถยนต์ชั้น 2 กับ 2+ แตกต่างกันอย่างไร?
โดยพื้นฐานแล้วประกันรถยนต์แบบชั้น 2 กับ 2+ มีความแตกต่างกันในประเด็นการคุ้มครองที่ไม่มาก ทั้งการคุ้มครองชีวิต ร่างกาย ทรัพย์สินต่อบุคคลภายนอก น้ำท่วม รถหายและไฟไหม้ สิ่งที่ทำให้ประกันรถยนต์ทั้งสองแบบแตกต่างกันอย่างชัดเจนคือ “ประกันรถยนต์ชั้น 2 ไม่คุ้มครองรถยนต์ของผู้ทำประกัน” ดังนั้น หากเกิดอุบัติเหตุขึ้นแล้วทำประกันรถยนต์ชั้น 2 เอาไว้ ผู้ทำประกันจะต้องจ่ายค่าซ่อมแซมรถยนต์ของตัวเองไม่ว่าจะในกรณีใดก็ตาม
ระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 2 กับ 2+ แบบไหนคุ้มค่ากว่ากัน
ถึงแม้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 จะมีข้อดีที่โดดเด่นในเรื่องของราคาที่ถูก แต่ในแง่ของการใช้งานไม่อยากแนะนำให้ทำประกันชั้นสองเท่าใดนัก เนื่องจากเมื่อเกิดอุบัติเหตุขึ้นรถนยนต์ของผู้ทำประกันภัยจะไม่ได้รับการคุ้มครองไม่ว่ากรณีใดก็ตาม นอกจากเกิดอุบัติเหตุรถชนแล้วฝ่ายตรงข้ามเป็นฝ่ายผิดและมีประกันที่ครอบคลุมการซ่อมแซมให้เท่านั้น ทำให้จำเป็นที่จะต้องควักเนื้อจ่ายเองเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่คุ้มค่ากับการทำประกันชั้น 2 เอาไว้สักเท่าใดนัก
ส่งท้ายก่อนจาก # ระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 2 และ 2+ เลือกแบบไหนคุ้มค่าสุดหวังว่าบทความนี้จะให้คำตอบ
หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลเปรียบเทียบที่น่าสนใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ทั้งแบบชั้น 2 และ 2+ กันไปแล้ว เชื่อว่า ณ ตอนนี้ หลายคนก็คงจะมีข้อมูลดี ๆ ที่ช่วยในการตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมแล้วว่าการเลือกประกันรถยนต์แบบชั้น 2 และ 2+ แบบไหนกันแน่ที่มีความเหมาะสมกับรถยนต์แสนรักของตัวเอง