Contents
- 1 รีไฟแนนซ์ คืออะไร!? มีเทคนิคและขั้นตอนที่ควรทราบอะไรกันบ้าง!?
- 2 รีไฟแนนซ์ คืออะไร!?
- 3 การรีไฟแนนซ์เหมาะกับสินเชื่อประเภทใดบ้าง
- 4 มารู้จักกับข้อดีของการรีไฟแนนซ์กันดีกว่า ว่าคืออะไรกันบ้าง!?
- 5 ข้อเสียที่ควรทราบของการรีไฟแนนซ์คืออะไรบ้าง!?
- 6 9 ขั้นตอนในการขอทำการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไรกันบ้าง!?
- 7 ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างที่ต้องจ่ายในการขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน
- 8 บทสรุปส่งท้าย : การขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อคือสิ่งที่ดีไหม!? ควรทำหรือเปล่า!?
รีไฟแนนซ์ คืออะไร!? มีเทคนิคและขั้นตอนที่ควรทราบอะไรกันบ้าง!?
การรีไฟแนนซ์สินเชื่อ คือ... หนึ่งในเทคนิคด้านการเงินที่มีความสำคัญอย่างมากในปัจจุบัน เพราะสามารถที่จะช่วยลดภาระของอัตราดอกเบี้ยที่เกิดขึ้นจากการขอกู้ยืมสินเชื่อได้เป็นอย่างดีทำให้สามารถนำเงินที่เหลือไปวางแผนในการใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมมากขึ้นกว่าเดิม ส่วนการรีไฟแนนซ์จะมีข้อดีคืออะไรบ้าง!? มีขั้นตอนที่ควรทราบคืออะไร!? รับรองว่าบทความชิ้นนี้จะมีคำตอบที่ช่วยไขข้อสงสัยภายในใจของคุณได้อย่างแน่นอน...
รีไฟแนนซ์ คืออะไร!?
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับการรีไฟแนนซ์กันก่อนว่ามันคืออะไรกันแน่!? การรีไฟแนนซ์ (Refinance) คือ การยื่นเรื่องเพื่อขอสินเชื่อก้อนใหม่จากธนาคารหรือสถาบันทางการเงินใหม่ ที่มีโปรโมชั่นและอัตราดอกเบี้ยน้อยกว่าธนาคารเดิม จากนั้นจะนำสินเชื่อก้อนนี้มาทำการชำระหนี้กับธนาคารเดิมเพื่อย้ายไปผ่อนชำระกับทางธนาคารใหม่ ทำให้อัตราดอกเบี้ยที่ต้องชำระลดน้อยลงแต่แลกมากับระยะเวลาในผ่อนชำระที่ยาวนานมากขึ้นกว่าเดิม
การรีไฟแนนซ์เหมาะกับสินเชื่อประเภทใดบ้าง
- สินเชื่อส่วนบุคคล เช่น บัตรเครดิต สินเชื่อเงินสด เป็นต้น
- สินเชื่อกู้ซื้อบ้าน
- สินเชื่อกู้ซื้อรถยนต์
มารู้จักกับข้อดีของการรีไฟแนนซ์กันดีกว่า ว่าคืออะไรกันบ้าง!?
- อัตราดอกเบี้ยที่ถูกลงกว่าเดิม
- ในบางครั้งอาจได้รับวงเงินกู้ที่สูงมากขึ้นกว่าเดิม
- ช่วยลดจำนวนเงินที่ต้องผ่อนชำระคืนต่อเดือนที่น้อยลง
- นำเงินส่วนต่างจากการชำระไปทำการหมุนเวียนใช้จ่ายในชีวิตประจำวันหรือดำเนินธุรกิจได้มากขึ้น
ข้อเสียที่ควรทราบของการรีไฟแนนซ์คืออะไรบ้าง!?
- ระยะเวลาในการผ่อนชำระยาวนานมากขึ้น
- เสียค่าธรรมเนียมในการดำเนินการเพื่อขอรีไฟแนนซ์
- อาจเสียค่าปรับหากมีการไถ่ถอนรีไฟแนนซ์ก่อนถึงเวลาที่กำหนด (*ส่วนใหญ่ก่อน 3 ปี)
- อาจมีความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสาร
9 ขั้นตอนในการขอทำการรีไฟแนนซ์บ้านคืออะไรกันบ้าง!?
สำหรับคนที่ต้องการจะทำการขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน มีขั้นตอนที่ควรทราบดังต่อไปนี้
1.ติดต่อกับสถาบันทางการเงินเดิมเพื่อขอเอกสารรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้าน
2.นำรายการสรุปยอดหนี้สินเชื่อบ้านไปยื่นกับ ธนาคารใหม่ เพื่อขอทำการรีไฟแนนซ์
3.เจ้าหน้าที่ ธนาคารใหม่ ติดต่อกลับเพื่อขอทำการเข้าไปประเมินบ้าน
4.เจ้าหน้าที่ ธนาคารใหม่ ทำการประเมินบ้านเสร็จสิ้น รอรับฟังกลการอนุมัติ
5.เมื่อได้รับการอนุมัติ นำเอกสารไปทำการไถ่ถอนบ้านกับสถาบันทางการเงินเดิม โดยทำการคิดยอดเงินทั้งหมดเป็นเงินต้นและเงินดอกเบี้ย
6.ทำสัญญาและนัดวันทำการโอนบ้าน โดยนัดสถาบันการเงินเดิมและ ธนาคารใหม่ มาพร้อมกันเพื่อทำการชำระหนี้
7.หากได้รับวงเงินอนุมัติที่มากกว่าราคาไถ่ถอน ทาง ธนาคารใหม่ จะออกเช็ค 2 ส่วน เป็นเช็คสำหรับไถ่ถอน 1 ใบและเช็คส่วนต่าง 1 ใบ (*หากได้รับอนุมัติต่ำกว่าราคาไถ่ถอน ผู้กู้จะต้องนำเงินสดส่วนต่างไปชำระ)
8.ทำเรื่องโอนกรรมสิทธิ์ที่สำนักงานที่ดิน เขตที่ทรัพย์สินที่นำมาใช้ค้ำประกันตั้งอยู่ โดยมีเจ้าหน้าที่ของทั้งสองสถาบันทางการเงินไปด้วย
9.มอบโฉนดที่ดินให้กับเจ้าหน้าที่ของ ธนาคารใหม่
ค่าใช้จ่ายและค่าธรรมเนียมต่างที่ต้องจ่ายในการขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อบ้าน
- ค่าปรับ 3% ของวงเงินกู้ทั้งจำนวน ในกรณีที่ขอทำการรีไฟแนนซ์ก่อนครบเวลาที่กำหนด โดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 3 ปี
- ค่าจัดการสินเชื่อตามสัญญาใหม่ 0-1% ของวงเงินกู้ใหม่
- ค่าธรรมเนียมในการจดจำนองประมาณ 1% ของราคาประเมิน (ไม่เกิน 200,000 บาท)
- ค่าประเมินราคาหลักประกัน ประมาณ 0.25 ของราคาประเมิน
- ค่าทำประกันอัคคีภัยประมาณ 2,000 บาท สำหรับบ้านมูลค่า 1 ล้านบาท
- ค่าแสตมป์ ประมาณ 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่
บทสรุปส่งท้าย : การขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อคือสิ่งที่ดีไหม!? ควรทำหรือเปล่า!?
การขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อ... มีทั้งในส่วนของข้อดีและข้อเสียอย่างที่ได้กล่าวถึงกันไปแล้วในตอนต้น อย่างไรก็ตามในประเด็นนี้ คุณผู้อ่านคือคนที่ต้องทำการชั่งน้ำหนักเองว่าระหว่างข้อดีและข้อเสียนั้น สิ่งไหนที่มีน้ำหนักมากที่สุดสำหรับตัวเอง ณ ช่วงเวลานี้ หลังจากที่ทำการชั่งน้ำหนักด้วยเหตุผลแล้วเชื่อว่าหลายคนก็คงตัดสินใจได้แล้วว่าการขอรีไฟแนนซ์สินเชื่อนั้น คือสิ่งที่เหมาะกับตัวเองหรือเปล่า!?