Contents
- 1 ภาระหนี้เกินอยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไรดี!?
- 2 ภาระหนี้สินคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร!?
- 3 ภาระหนี้เกิน คืออะไร!?
- 4 มีภาระหนี้สิน ขอกู้สินเชื่อเพิ่มได้หรือเปล่า!?
- 5 เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาขอกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านไม่ผ่าน
- 6 ติดปัญหาเครดิตบูโร แต่อยากกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านควรทำอย่างไร!?
- 7 การแก้ปัญหาหนี้สินเกินแต่อยากสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านด้วยเทคนิค “กู้ร่วม”
- 8 บทสรุปส่งท้าย : อยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แต่ภาระหนี้เกินเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า!?
ภาระหนี้เกินอยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านทำอย่างไรดี!?
หลายคนอาจกำลังมองหาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน... เพื่อช่วยลดอัตราดอกเบี้ยของบ้านที่แสนแพงให้น้อยลง แต่อาจต้องปวดหัวเมื่อพบว่าตัวเองมี “ภาระหนี้เกิน” จนเป็นสาเหตุที่ทำให้หลายสถาบันทางการเงินไม่อนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ถ้าหากใครกำลังสงสัยว่าการมีภาระหนี้เกินทำให้เกิดการไม่อนุมัติสินเชื่อจริงหรือเปล่า!? และควรทำอย่างไรเพื่อให้ปัญหานี้หมดไป บทความชิ้นนี้ได้ทำการรวบรวมข้อมูลแบบเจาะลึก! มาฝากให้ลองทำตามกัน...
ภาระหนี้สินคืออะไร มีความสำคัญอย่างไร!?
ภาระหนี้สิน คือ การกู้ยืมเงินสินเชื่อจากสถาบันทางการเงินและธนาคารมาใช้จ่าย แต่ยังไม่ได้ทำการชำระใช้คืนจนหมด ทำให้ยังคงอยู่ในช่วงเวลาแห่งการชำระหนี้ที่เรียกว่า “ภาระหนี้สิน” ซึ่งภาระหนี้สินนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะถ้าหากใครกำลังสนใจอยากที่จะทำการขอสินเชื่อบุคคลในช่วงที่ยังมีภาระหนี้สินอยู่ ก็จะมีโอกาสที่ไม่ผ่านการอนุมัติสูงเนื่องจากสถาบันทางการเงินเหล่านี้ ใช้ฐานข้อมูลทางการเงินเดียวกันนั้นเอง
ภาระหนี้เกิน คืออะไร!?
ภาระหนี้เกิน คือ ภาระหนี้เกินค่ามาตรฐานที่ทางสถาบันทางการเงินและธนาคารผู้ให้บริการสินเชื่อได้กำหนดเอาไว้ ซึ่งภาระหนี้เกินเหล่านี้จะถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาว่าควรอนุมัติสินเชื่อให้ตามที่ผู้สมัครร้องขอหรือไม่ เพราะหากมีภาระหนี้เกินมากก็มีโอกาสที่ลูกหนี้จะไม่สามารถชำระค่าสินเชื่อรายเดือนได้อย่างเหมาะสมนั่นเอง ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว “อัตราหนี้สินต่อรายได้ (DT)” ไม่ควรมีเกิน 40% ของรายได้ ถึงจะมีโอกาสได้รับการพิจารณาสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านให้มีโอกาสผ่านได้มากขึ้นกว่าเดิม
มีภาระหนี้สิน ขอกู้สินเชื่อเพิ่มได้หรือเปล่า!?
สำหรับคนที่มีภาระหนี้สินก็ไม่ต้องรีบจิตตกไป เพราะแม้ว่าทางสถาบันทางการเงินจะทำการตรวจสอบภาระหนี้สิน แต่ก็จะใช้การประเมินว่ายอดหนี้โดยรวมนั้น ถ้าหากทำการขอกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเพิ่มเติมจากที่ใหม่จะมีความสามารถในการจ่ายคืนรายเดือนให้กับสถาบันทางการเงินได้อย่างเหมาะสมหรือเปล่า!? หรือคือการตรวจสอบว่าหากภาระหนี้สินเกินกว่าที่กำหนดจะสามารถเป็นลูกหนี้ได้หรือเปล่านั่นเอง โดยขึ้นอยู่กับเงื่อนไขในการให้บริการของแต่ละสถาบันทางการเงิน เช่น สินเชื่อหมุนเวียนธนาคารกรุงศรี อนุญาตให้ลูกหนี้ขอทำการกู้ยืมสินเชื่อใหม่ได้ หากสินเชื่อเดิมได้รับการผ่อนชำระแล้วเป็นจำนวนอย่างน้อย 9 งวด เป็นต้น ดังนั้น ถ้าหากสนใจอยากที่จะขอสินเชื่อสถาบันใด ควรทำการตรวจสอบรายละเอียดต่างๆให้มีความชัดเจนมากที่สุด แต่โดยทั่วไปแล้วมักจะประเมินภาระหนี้ที่สูงไม่เกิน 85% ถึงจะได้รับการอนุมัติ
เหตุผลสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาขอกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านไม่ผ่าน
สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหากู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านไม่ผ่าน มักเกิดขึ้นจาก 2 กรณีที่ควรทราบ ดังต่อไปนี้
1.ความสามารถในการชำระหนี้โดยรวมแล้วพบว่าไม่น่าที่จะทำการชำระหนี้ได้ หรือที่เรียกว่า “ภาระหนี้เกิน” นั่นเอง
2.ความตั้งใจในการชำระหนี้ขึ้นว่าเป็นอย่างไร ตรงเวลาหรือไม่ โดยประวัติดังกล่าวมักที่จะถูกทำการตรวจสอบผ่านทางเครดิตบูโรเป็นหลัก
ติดปัญหาเครดิตบูโร แต่อยากกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านควรทำอย่างไร!?
สำหรับการแก้ไขปัญหาติดเครดิตบูโรที่ง่ายดายมากที่สุดคือ การจ่ายหนี้ที่เกิดขึ้น+ดอกเบี้ย+ค่าธรรมเนียมในการผิดสัญญาให้หมด เมื่อหมดแล้วสามารถติดต่อกับทางสถาบันทางการเงินเพื่อให้ยื่นเรื่องเพื่อทำการถอดชื่อออกจากรายชื่อของคนที่ติดเครดิตบูโรได้ เพียงเท่านี้ประวัติทางการเงินของคุณก็จะกลับมาขาวสะอาดอีกครั้ง
การแก้ปัญหาหนี้สินเกินแต่อยากสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านด้วยเทคนิค “กู้ร่วม”
ในบางกรณีหากผู้ที่อยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านแต่มี “รายได้ไม่เพียงพอ” หรือ “สภาวะหนี้เกิน” ก็สามารถใช้การ “กู้ร่วม” กับคู่สมรส หรือคนในครอบครัวที่มีสายเลือดเดียวกัน เช่น บิดา มารดาและพี่น้อง เป็นต้น ทางสถาบันทางการเงินจะนำรายได้ของผู้กู้ร่วมว่ามีกำลังที่เพียงพอในการชำระค่าสินเชื่อรายเดือนได้หรือไม่!? หากรายได้มากเพียงพอมากกว่าภาระหนี้เกิน ก็มีโอกาสที่จะได้รับการอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านได้เช่นกัน!
บทสรุปส่งท้าย : อยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน แต่ภาระหนี้เกินเป็นเรื่องใหญ่หรือเปล่า!?
ภาระหนี้เกิน... ไม่ได้เป็นเรื่องที่คอขาดบาดตายเหมือนกับที่หลายคนคิด ขอเพียงแค่ปฏิบัติตัวเองอย่างเหมาะสมตามเคล็ดลับที่ได้แนะนำกันไปแล้วในตอนต้น รับรองว่าจะสามารถช่วยให้จัดการปัญหาการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อลดอัตราดอกเบี้ยบ้านที่เคยสูงกวนใจให้กลับมาอยู่ในระดับรับได้ และช่วยให้คุณมีความสุขในการผ่อนบ้านต่อไปได้อย่างแน่นอน...