Contents
- 1 อยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน เลือกธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดในปี 2021-2022!?
- 2 ข้อดีของการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน นอกจากดอกเบี้ยถูกมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง!?
- 3 เปรียบเทียบ 13 ธนาคารและสถาบันการเงินที่เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยถูกที่สุดในปี 2021-2022
- 4 ค่าใช้จ่ายสำหรับการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยถูกที่สุดมีอะไรที่ควรทราบกันบ้าง!?
- 5 บทสรุปส่งท้าย : ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านดอกเบี้ยถูกที่สุดของเจ้าไหนดี หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ได้คำตอบ
อยากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน เลือกธนาคารไหนให้ดอกเบี้ยถูกที่สุดในปี 2021-2022!?
เมื่อถึงช่วงเวลาที่จำเป็นจะต้องเลือกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านอันใหม่ เชื่อว่าประเด็นแรกที่จะกลายมาเป็นคำถามตลอดกาลในใจของทุกคนก็คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารและสถาบันการเงินใดที่มีอัตราดอกเบี้ยถูกมากที่สุด!?
เพื่อเป็นการไขปริศนาคาใจดังกล่าว บทความชิ้นนี้จึงได้ทำการรวบรวมอัตราดอกเบี้ยของสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่น่าสนใจในปี 20210-2022 มาฝากกันว่าที่ไหนที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุดและน่าสนใจที่สุด เหมาะสำหรับการขอกู้เพื่อมาช่วยแก้ไขปัญหารายจ่ายรายเดือนที่กำลังเป็นภาระล้นมือกัน!?
ข้อดีของการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน นอกจากดอกเบี้ยถูกมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง!?
- การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยให้สามารถวางแผนทางการเงินได้อย่างง่ายดายมากขึ้นกว่าเดิม
- การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยลดภาระหนี้สินให้น้อยลงกว่าเดิม
- การขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ช่วยให้ได้รับเงินส่วนต่างในรูปแบบของสินเชื่ออเนกประสงค์ นำไปใช้จ่ายได้อย่างตามที่ต้องการ
เปรียบเทียบ 13 ธนาคารและสถาบันการเงินที่เปิดให้กู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยถูกที่สุดในปี 2021-2022
สำหรับธนาคารและสถาบันการเงินที่เปิดให้ทำการกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านและมีอัตราของดอกเบี้ยที่ถูกที่สุดนั้น สามารถสรุปข้อมูลที่น่าสนใจได้ผ่านตารางดังต่อไปนี้
ธนาคาร / สถาบันการเงิน | อัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด
(*เฉลี่ยสามปีแรก) |
วงเงินประเมิน / เงินกู้ (*สูงสุด) |
1.ธนาคารเกียรตินาคิน | 1.99% | 100% ของราคาประเมิน |
2.ธนาคาร CIMB Thai | 2.39% | 95% ของราคาหลักประกัน |
3.แบงค์ ออฟ ไชน่า | 2.50% | 90% ของราคาประเมิน |
4.ธนาคารออมสิน | 2.50% | 100% ของยอดหนี้คงเหลือ |
5.ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ | 2.60 | 90-95% ของราคาประเมิน |
6.ธนาคารทีเอ็มบีธนชาต | 2.64% | 100% ของราคาประเมิน |
7.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา | 2.75% | 95% ของราคาประเมิน |
8.ธนาคารกรุงเทพ | 2.78% | 95% ของราคาประเมิน |
9.ธนาคารอาคารสงเคราะห์ | 2.83% | อัตราเป็นไปตามที่ทางธนาคารกำหนด |
10.ธนาคารยูโอบี | 2.99% | อนุมัติไม่เกิน 100% ของราคาประเมินในเขตกรุงเทพ และ 85-90% สำหรับต่างจังหวัด สูงสุดไม่เกิน 50 ล้านบาท |
11.ธนาคารกรุงไทย | 3.00% | อัตราเป็นไปตามที่ทางธนาคารกำหนด |
12.ธนาคารไทยพาณิชย์ | 4.90% | ไม่เกินวงเงินสินเชื่อเคหะเท่ายอดหนี้เดิม |
13.ธนาคารกสิกรไทย | 5.97% | 100% ของมูลค่าหลักประกัน |
ค่าใช้จ่ายสำหรับการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ดอกเบี้ยถูกที่สุดมีอะไรที่ควรทราบกันบ้าง!?
ถึงแม้ว่าเรื่องของดอกเบี้ยจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่สำหรับการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเรื่องของค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นจากการดำเนินการเองก็มีความสำคัญเช่นกัน สำหรับค่าธรรมเนียมที่ควรทำความรู้จักนั้น มีดังต่อไปนี้
- ค่าปรับในกรณีขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านก่อนครบกำหนด 3 ปี จะต้องเสียค่าปรับไม่เกิน 3 % ของวงเงินกู้
- ค่าใช้จ่ายในการประเมินสินทรัพย์ใหม่ ประมาณ 0.25-2% ของราคาสินทรัพย์ ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางสถาบันการเงินและถ้าหากทำการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนี้แต่อย่างใด
- ค่าใช้จ่ายในการปล่อยกู้ใหม่ ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ไม่เกิน 3% ของวงเงินกู้และถ้าหากทำการขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมจะไม่ต้องเสียในส่วนนี้เช่นกัน
- ค่าอากรแสตมป์ อยู่ที่ 0.05% ของวงเงินกู้ใหม่เท่ากันทุกธนาคาร
- ค่าจดจำนองที่ดิน อยู่ที่ 1% กับทุกธนาคารเพื่อจ่ายให้กับทางกรมที่ดิน แต่ถ้าหากขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านกับธนาคารเดิมก็ไม่จำเป็นที่จะต้องจ่ายแต่อย่างใด
- ค่าทำประกันหรือค่าบริการอื่น ๆ ขึ้นอยู่กับนโยบายของทางธนาคารที่ไม่เหมือนกัน
บทสรุปส่งท้าย : ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านดอกเบี้ยถูกที่สุดของเจ้าไหนดี หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้ได้คำตอบ
หลังจากที่ได้ทราบข้อมูลโดยสรุปจากข้อมูลตารางในข้างต้นกันไปแล้ว เชื่อว่าตอนนี้หลายคนก็คงจะมองเห็นภาพรวมกันแล้วว่าสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านของธนาคารหรือสถาบันการเงินใดที่มีอัตราของดอกเบี้ยถูกที่สุดและเหมาะสมกับตัวเองมากที่สุด
อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่แล้วการขอกู้สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่มีอัตราของดอกเบี้ยถูกนั้นค่อนข้างที่จะมีเงื่อนไขในการขอกู้สินเชื่อพอสมควร ดังนั้น จึงควรทำการศึกษารายละเอียดให้ดีเสียก่อนทำการตัดสินใจ เพื่อที่จะได้ไม่เสียเวลาในการเดินทางไปยื่นเรื่องขอสินเชื่อโดยที่เกณฑ์การสมัครไม่ผ่านการสมัครในเบื้องต้นนั่นเอง...