Contents
- 1 เจาะลึกเครดิตบูโร! รู้จักไว้อุ่นใจเรื่องสินเชื่อ.. สำคัญแค่ไหน ขอหรือตรวจสอบได้อย่างไรกันบ้าง!?
- 2 เครดิตบูโร คืออะไร!? ข้อมูลถูกเก็บเอาไว้ที่ไหนกัน!?
- 3 ความหมายของคำว่า "สินเชื่อ" ของเครดิตบูโร คืออะไร!?
- 4 เครดิตบูโร คือการแสดงข้อมูลส่วนของ "ทรัพย์สิน" หรือเปล่า!?
- 5 ข้อมูลของเครดิตบูโรมาจากไหน
- 6 คลังข้อมูลของเครดิตบูโร เก็บรายละเอียดใดเอาไว้บ้าง?
- 7 1.เครดิตบูโร : เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการบัตรเครดิต
- 8 2.เครดิตบูโร : เก็บข้อมูลประวัติการขอ การอนุมัติและการชำระสินเชื่อ
- 9 ข้อมูลของเครดิตบูโร มีการอัพเดทรวเร็วเพียงใด!?
- 10 เครดิตบูโรเก็บข้อมูลประวัติสินเชื่อทางการเงินเอาไว้นานเพียงใด
- 11 ควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองหรือเปล่า?
- 12 1.แจ้งสถาบันทางการเงินอย่างรวดเร็วที่สุด
- 13 2.ยื่นเรื่องกับทางเครดิตบูโรโดยตรง
- 14 การขอตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
- 15 ขอทำการเช็ค และติดต่อเพื่อขอตรวจเครดิตบูโร ได้ที่ไหนกันบ้าง?
- 16 ภายใน 15 นาทีสามารถทำการติดต่อขอรับผลตรวจเครดิตบูโรได้ที่
- 17 กรุงเทพฯและต่างจังหวัด (ส่งข้อมูลการตรวจสอบให้ทางไปรษณีย์)
- 18 การตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง
- 19 1.ตรวจสอบเครดิตบูโรโดยใช้บัตร ATM
- 20 2.การตรวจสอบเครดิตบูโรผ่านโทรศัพท์มือถือและเว็บไซต์
- 21 ตัวเลขต่างๆที่ปรากฏในรายงานของเครดิตบูโร มีความหมายอย่างไร
- 22 สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครดิตบูโร
- 23 1.ส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคารและบัตรเครดิตมากไม่ใช้ลูกค้าชั้นดี
- 24 2.ผู้ให้บริการสาธารณูประโภคไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร
- 25 ทราบได้อย่างไรว่าเราเป็นลูกค้าชั้นดีของเครดิตบูโร
- 26 ติดเครดิตบูโรคืออะไร!?
- 27 เคล็ดลับล้างประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโร ทำได้อย่างไร ที่ไหนกันบ้าง!? (อัพเดท 2563-2564)
- 28 ติดเครดิตบูโร กี่ปีประวัติถึงจะหาย!?
- 29 ประวัติเครดิตบูโร สามารถล้างให้หายไปได้หรือเปล่า!?
- 30 อยากล้างประวัติเครดิตบูโร ทำได้ที่ไหนกันบ้าง!?
- 31 เทคนิคการรักษาสถานะลูกค้าชั้นดี กับทางเครดิตบูโรให้ยาวนาน
- 32 1.แบ่งสัดส่วนหนี้อย่างเหมาะสม
- 33 2.ครอบครองบัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น
- 34 3.ชำระค่าบริการสินเชื่อตามเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างตรงเวลา
- 35 4.หากไม่ชำระหนี้หรือใบแจ้งยอดหนี้มีความผิดปกติ
- 36 ควรทำการตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเองหรือเปล่า!?
- 37 สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร ทางออกของคนประวัติไม่ดี (อัพเดท 2018-2019)
- 38 1.สินเชื่อพิเศษไม่เช็คเครดิตบูโรโดยเฉพาะ
- 39 2.สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร : บริษัทรีไฟแนนซ์ หรือลีสซิ่ง
- 40 3.สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร : สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
- 41 บทสรุปส่งท้าย : เครดิตบูโร เรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ
เจาะลึกเครดิตบูโร! รู้จักไว้อุ่นใจเรื่องสินเชื่อ..
สำคัญแค่ไหน ขอหรือตรวจสอบได้อย่างไรกันบ้าง!?
คนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ใช้บัตรเคดิตเป็นหลัก..
เชื่อว่าคงจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน อาจจะเคยได้ยินชื่อของ "เครดิตบูโร"ผ่านหูกันกันมาบ้าง
แต่อาจไม่เคยทราบข้อมูลเชิงลึกว่าเจ้าเครดิตบูโรนั้นคืออะไรฦ เหตุใดถึงได้มีความสำคัญถึงขนาดมีการกล่าวถึงกันให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง?
ถ้าหากใครกำลังศึกษาค้นคว้าหาจ้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโรอยู่ แล้วอยากทราบรายละเอียดชิงลึกล่ะก็ รับรองว่าบทความชิ้นนี้จะสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน...
เครดิตบูโร คืออะไร!? ข้อมูลถูกเก็บเอาไว้ที่ไหนกัน!?
“เครดิตบูโร” เป็นบริการหนึ่งของ บริษัท “ข้อมูลบัตรเครดิตแห่งชาติ จำกัด” (Nation Credit Bureau) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เครดิตบูโร” ที่มีแนวคิดริเริ่มการก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 ด้วยความร่วมระหว่างสมาคมธนาคารไทยกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้มีแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลกลางของลูกค้าธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการให้กู้สินเชื่อ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์
ทำให้เครดิตบูโร จึงทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเครดิตจากสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรมาทำการประมวลผลเป็น “ข้อมูลบัตรเครดิต” ที่สมาชิกในกลุ่มสามารถทำการเรียกตรวจสอบรายงานบัตรเครดิตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้เองที่มีความสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ และบัตรเครดิตให้กับผู้ที่ร้องขอ
ถ้าหากประวัติทางการเงินกับเครดิตบูโรดี การอนุมัติการเงินก็จะสะดวกราบรื่น แต่ในทางตรงกันข้ามหากประวัติทางการเงินกับเครดิตบูโรไม่ดี มีการค้างชำระบิลบัตรเครดิตบ่อยครั้ง มีการใช้จ่ายบัตรเครดิตเต็มยอดจำนวนเสมอ และยังมีพฤติกรรมสมัครบัตรเครดิตหลายใบจากหลายสถาบันการเงิน โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติด้านสินเชื่อก็จะลดน้อยลงอย่างมากเลยทีเดียว
ความหมายของคำว่า "สินเชื่อ" ของเครดิตบูโร คืออะไร!?
ข้อมูล "สินเชื่อ" ที่ถูกเก็บเอาไว้ในเครดิตบูโร หลายคนอาจมีความสงสัยว่ามันคืออะไร!? หมายถึงประวัติการใช้งานบัตรเครดิตหรือเปล่า!? คำตอบคือ "ไม่ใช่" เนื่องจากคำว่า "สินเชื่อ" ตามกฏหมายของเครดิตบูโร มีคสามหมายที่ครอบคลุมกว้างมากกว่าเพียงแค่เรื่องของบัตรเครดิต แต่รวมไปถึงสินเชื่ออีกหลายรายการ ยกตัวอย่างเช่น
- สินเชื่อเงินสด
- สินเชื่อกู้ยืมเพื่อทำการซื้อบ้าน ที่อยู่อาศัยและที่ดิน
- สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่ออเนกประสงค์
- สินเชื่อบัตรเครดิต
- สินเชื่อเช่าซื้อรถยนตร์ รถจักรยานยนตร์
- สินเชื่อรถแลกเงิน
- สินเชื่อค้ำประกัน
- การให้ยืมหลักทรัพย์ และการซื้อ-ขาย หลักทรัพย์
เครดิตบูโร คือการแสดงข้อมูลส่วนของ "ทรัพย์สิน" หรือเปล่า!?
หากทำการสรุปให้เข้าใจอย่างง่ายดาย เครดิตบูโรจะทำการแสดงเพียงส่วนของ "หนี้สิน" เท่านั้น โดยไม่ได้แสดงส่วนของทรัพย์สินของผู้ที่ทำการกู้สินเชื่อ อาทิเช่น เงินฝาก บ้านหรือที่ดินที่ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่
ข้อมูลของเครดิตบูโรมาจากไหน
ข้อมูลของเครดิตบูโรจะได้รับมาจาก “สมาชิก” อันประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซอเอร์ บริษัทประกันวินาศภัย และประกันชีวิต เป็นต้น สมาชิกเหล่านี้จะทำการแจ้งประวัติทางการเงินให้กับทางเครดิตบูโรเพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลกลางให้สมาชิกเข้าดูข้อมูลเพื่อนทำการวิเคราะห์การอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งบุคคลธรรมดาก็สามารถขอดูข้อมูลจากทางเครดิตบูโรได้เช่นกัน แต่จะเป็นเพียงเฉพาะข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถขอดูข้อมูลของผู้อื่นหรือลูกหนี้ของตัวเองได้
คลังข้อมูลของเครดิตบูโร เก็บรายละเอียดใดเอาไว้บ้าง?
โดยทั่วไปแล้วทางเครดิตบูโรจะทำการเก็บข้อมูลของผู้ใช้บัตรเครดิตจากผู้ให้บริการที่เป็นสมาชิก โดยมีข้อมูลสำคัญสองส่วน ดังต่อไปนี้
1.เครดิตบูโร : เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการบัตรเครดิต
เครดิตบูโร ทำการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานเช่น ชื่อ – นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อาชีพ ฐานเงินเดือน และสถานภาพการสมรส อย่างไรก็ตามทางเครดิตบูโรจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเช่น ประวัติคดีอาญาเอาไว้ ถ้าหากต้องการเช็กประวัติในส่วนนี้ควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นการดีกว่า
2.เครดิตบูโร : เก็บข้อมูลประวัติการขอ การอนุมัติและการชำระสินเชื่อ
นอกจากนี้ ยังทำการจัดเก็บประวัติการชำระสินค้า รวมไปถึงบริการที่ทำการชำระโดยการใช้บัตรเครดิต เป็นต้น เรียกได้ว่าทุกการทำธุรกรรมโดยใช้บัตรเครดิต และสินเชื่อทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะไปปรากฏอยู่ในประวัติของเครดิตบูโรทั้งหมดนั่นเอง
ข้อมูลของเครดิตบูโร มีการอัพเดทรวเร็วเพียงใด!?
ในทางกฎหมาย ยังไม่มีข้อกำหนดว่าสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรจะต้องทำการส่งข้อมูลลุกค้าไปยังฐานข้อมูลเมื่อไหร่!? ดังนั้น ดุลพินิจในการจัดส่งข้อมูลทใหม่ล่าสุดให้กับทางเครดิตบูโร ทำให้โดยส่วนใหญ่แล้วมักี่จะทำการส่งข้อมูลกันเดือนละ 1 ครั้ง
เครดิตบูโรเก็บข้อมูลประวัติสินเชื่อทางการเงินเอาไว้นานเพียงใด
เครดิตบูโร ทำการจัดเก็บประวัติทางการเงิน การได้รับอนุมัติสินเชื่อ รวมไปถึงประวัติในการชำระสินเชื่อล่าสุดย้อนหลัง 36 เดือน ซึ่งสินเชื่อในที่นี้หมายถึง ประวัติการใช้บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อเงินสด ประวัติการค้ำประกัน และการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น โดยจะแสดงข้อมูลให้เห็นเฉพาะในส่วนของ “หนี้สิน” เท่านั้น โดยไม่แสดงข้อมูลในส่วนของทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่
ควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองหรือเปล่า?
การตรวจสอบเครดิตบูโรไม่ควรทำเมื่ออยากทำการสมัครสินเชื่อ หรือทำเรื่องเพื่อขอกู้เงินเท่านั้น แต่ควรทำการตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็กข้อมูลของตัวเองเกี่ยวกับประวัติในการชำระหนี้สิ้นเพื่อที่จะได้เห็นภาพรวมในการใช้เงินและชำระเงินคืนให้กับทางสถาบันทางการเงินว่ามีจุดด้อยอย่างไร เพื่อช่วยในการวางแผนรับมือแก้ไขได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยตรวจสอบความถูกต้องของรายงานเครดิตบูโร เพื่อให้ทราบว่ามีคนแอบอ้างปลอมแปลงนำข้อมูลไปใช้ในการกู้ยืมสินเชื่อหรือเปล่า? เพราะข้อมูลที่ได้รับจากเครดิตบูโรมีการอัพเดทที่สดใหม่อยู่เสมอนั่นเอง ถ้าหากตรวจพบว่าข้อมูลในเครดิตบูโรมีความผิดปกติ ขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้
1.แจ้งสถาบันทางการเงินอย่างรวดเร็วที่สุด
เพื่อให้ทราบว่าข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเครดิตบูโรนั้นมีความไม่ถูกต้อง หรือไม่มีการอัปเดตประวัติ เพื่อให้สถาบันทางการเงินเหล่านั้นทำการแก้ไขหรือส่งข้อมูลใหม่ให้กับทางเครดิตบูโร เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ในด้านข้อมูลของตัวเอง
2.ยื่นเรื่องกับทางเครดิตบูโรโดยตรง
สามารถทำการยื่นแบบฟอร์ม “คอขอโต้แย้ง” ให้กับทางเครดิตบูโรกับศูนย์ให้บริการที่กำลังจะขอกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป เพื่อให้ทางเครดิตบูโรทำการแก้ไขข้อมูลให้มีความถูกต้องภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง และในกรณีที่เกิดข้อพิพาทโต้แย้งกันไม่อาจหาข้อยุติได้ เครดิตบูโรจะทำการบันทึกข้อโต้แย้งพร้อมหลักฐานประกอบเอาไว้ในข้อมูลระบบ พร้อมกับยังสามารถอุทธรณ์เรื่องต่อไปเพื่อให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตเพื่อให้ตัดสินชี้ขาดกรณีพิพาทอย่างเป็นธรรมที่สุด
การขอตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?
ถ้าหากต้องการทำการตรวจสอบเครดิตบูโรขอแนะนำให้ทำการจัดเตรียมเอกสาร และค่าธรรมเนียมในการให้บริการให้ครบถ้วน เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อประสานงานและจัดเตรียมเอกสาร ดังต่อไปนี้
- ค่าธรรมเนียนมบริการ 100 บาท (ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล) และ 150 บาท สำหรับการส่งรายงานผลทางการเงินให้กับผู้ร้องขอทางไปรษณีย์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
- บัตรประจำตัวประชาชน
ขอทำการเช็ค และติดต่อเพื่อขอตรวจเครดิตบูโร ได้ที่ไหนกันบ้าง?
ผู้ใช้บริการบัตรเครดิตบูโรสามารถทำการติดต่อเพื่อขอตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองได้ไม่ยาก ผ่านขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้
กรุงเทพและปริมณฑล (รอรับข้อมูลด้วยตัวเอง)
ภายใน 15 นาทีสามารถทำการติดต่อขอรับผลตรวจเครดิตบูโรได้ที่
วันจันทร์-วันศุกร์ (หยุดวันนักขัตฤกษ์) เวลา 9.00 – 18.00 น.
- ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อาคาร 2 ชั้น 2
- อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (โซนธนาคาร)
- สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี)
วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 18.00 น.
- สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ภายในสถานี)
- ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 3 ติดประกันสังคม
วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 18.00 น.
- CITI เดอะมอลล์บางกะปิ งามวงศ์วาน และศูนย์การค้าเมกะ บางนา
- UBO สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าเวสต์เกต บางใหญ่ และเดอะมอลล์ท่าพระ
กรุงเทพฯและต่างจังหวัด (ส่งข้อมูลการตรวจสอบให้ทางไปรษณีย์)
ภายใน 7 วันทำการ และจัดส่งทางอีเมล ในหัวข้อ E-Credit Report
- เคาน์เตอร์ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา กรุงไทย ธนชาติ ธอส และแลนด์แอนเฮ้าส์ ทุกสาขา
- ที่ทำการไปรษณีย์ (เฉพาะสาขาที่ให้บริการ)
การตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง
สำหรับการตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายๆ หากเคยทำการลงทะเบียนกับผู้ให้บริการบัตรเครดิต สินเชื่อและมีการโหดแอพลิเคชั่นที่เหมาะสมมาใช้งาน โดยมีรายละเอียดในการทำการตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้
1.ตรวจสอบเครดิตบูโรโดยใช้บัตร ATM
การตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้บัตร ATM ของกรุงไทย และไทยพาณิชย์ แล้วทำรายการตรวจสอบผ่านทางตู้ ATM ของธนาคารเจ้าของบัตร ATM ในส่วนของเมนูตรวจสอบเครดิตบูโร เพียงเท่านี้ก็จะสามารถทำการตรวจสอบเครดิตบูโรได้ด้วยตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
2.การตรวจสอบเครดิตบูโรผ่านโทรศัพท์มือถือและเว็บไซต์
สำหรับคนที่ลงทะเบียนธนาคารกรุงไทย และธนชาติ สามารถทำการตรวจสอบกรุงเทพและปริมณฑลได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของโทรศัพท์มือถือ และผู้ใช้บริการธนาคารออนไลน์ กรุงศรีอยุธยา กรุงไทย ที่มีบัญชีธนาคารและสามารถทำรายการผ่านทางเว็บไซต์
ตัวเลขต่างๆที่ปรากฏในรายงานของเครดิตบูโร มีความหมายอย่างไร
คนที่ขอข้อมูลจากทางเครดิตบูโรเป็นครั้งแรกอาจเกิดความสงสัยว่าเหล่าตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในรายงานจำนวนมากนั้นหมายความว่าอย่างไรบ้าง?
10 มีความหมายว่า “ปกติ” บัญชีนี้มีการชำระสินเชื่อตรงตามเงื่อนไข ตามเวลา ไม่มียอดค้างชำระ หรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน
11 มีความหมายว่า “ปิดบัญชี” หนี้สินในบัญชีนี้ได้รับการชำระเรียบร้อย ไม่มียอดหนี้ค้างชำระ
12 มีความหมายว่า “พักชำระหนี้” ตามนโยบายของรัฐ บัญชีนี้เคยมียอดค้างชำระ แต่อยู่ระหว่างเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ของรัฐ จึงทำให้อยู่ในสถานะไม่เป็นการค้างชำระ
20 มีความหมายว่า “หนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน” เคยมีการค้างชำระหนี้ และมีการค้างชำระหนี้ในปัจจุบัน ทำให้ลูกหนี้ในสถานะนี้มีผลเชิงลบต่อกาพิจารณาสินเชื่อกับทางเครดิตบูโร
สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครดิตบูโร
มีความเข้าใจผิดหลายประการของคนทั่วไปเกี่ยวกับเครดิตบูโร โดยสามารถสรุปออกได้เป็นหัวข้อเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ดังต่อไปนี้
1.ส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคารและบัตรเครดิตมากไม่ใช้ลูกค้าชั้นดี
คนทั่วไปมักเชื่อว่าการจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารและบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากถือว่าเป็น “ลูกค้าชั้นดี” แต่ที่จริงแล้วสถาบันทางการเงินมองตรงกันข้าม เพราะการจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนมาก นั่นหมายความว่าเป็นเพียงการชำระเงินขั้นต่ำที่สุด หรือการชำระเงินแบบล่าช้าจนกระทั่งทำทำให้เกิดดอกเบี้ยจำนวนมาก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ทำให้สถาบันทางการเงินพยายามหลีกเลี่ยงลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นอย่างมากเพราะมีความเสี่ยงในการค้างชำระสูงนั่นเอง
2.ผู้ให้บริการสาธารณูประโภคไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร
หลายคนเข้าใจผิดว่าผู้ให้บริการสาธารณูประโภคเช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร แต่ที่จริงแล้วบริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรแต่อย่างใด ดังนั้น การค้างชำระค่าบริการของบริษัทเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบกับเครดิตบูโรแต่อย่างใด แต่ขอแนะนำให้ทำการหมั่นชำระค่าบริการให้ตรงเวลาเอาไว้ เพื่อที่จะได้เป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเอง
ทราบได้อย่างไรว่าเราเป็นลูกค้าชั้นดีของเครดิตบูโร
ติดเครดิตบูโรคืออะไร!?
กาติดเครดิตบูโร เป็นสิ่งที่ "ไม่มีอยู่จริง" เป็นเพียงคำเรียกติดปากสำหรับคนที่มีประวัติทางการเงินที่ไม่ค่อยดีนัก เช่น ชำระไม่ตรงเวลา ชำระไม่ครบถ้วน จนทำให้ทางสถาบันทางการเงินต้องมีการติดตามทวงถามและหนักเข้าก็ถึงกับต้องทำการฟ้องร้องขึ้นศาลเพื่อให้มีการชำระหนี้กันเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่าตัวเองได้ติด "บัญชีดำ" หรือ "แบล็กลิสต์" ของเครดิตบูโร จนทำให้การขออนุมัติสินเชื่อของสถาบันทางการเงินกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นกว่าเดิม แต่ที่จริงแล้วอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า เครดิบบูโร คือการแสดงข้อมูลเฉพาะในส่วนของ "หนี้สินเท่านั้น" และเป็นเพียงข้อมูลหนึ่งในองค์ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ ส่วนการตัดสินใจขั้นตอนสุดท้ายขึ้นอยู่กับทางสถาบันทางการเงินแต่ละแห่งเท่านั้น
เคล็ดลับล้างประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโร ทำได้อย่างไร ที่ไหนกันบ้าง!? (อัพเดท 2563-2564)
สำหรับคนที่มีปัญหาเป็นหนี้บัตรเครดิต และยังไม่ได้ทำการชำระจนหมด อาจทำให้เกิดความกลัวว่าตัวเองจะทำการติด "แบล็กลิสต์ เครดิตบูโร" จนทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆได้อีกตลอดชีวิต จนทำให้หลายคนพยายามหาวิธีการล้างประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโรของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียวแต่ที่จริงแล้ว ประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโร เป็นเพียงคำชวนเชื่อที่บริษัททวงถามหนี้บัรเครดิตนำมาใช้ในการเร่งรัดหนี้สินเท่านั้น เพราะในพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ได้มีการกำหนดเอาไว้ว่า "ห้ามทวงหนี้แบบหลอกลวงให้เข้าใจผิด" ดังนั้น การหลอกให้ลูกหนี้เข้าใจผิดว่าจะติดเครดิตบูโร ถือว่ามีความผิดตามกฏหมายต้องระวังโทษจำคุก 3 ปี และปรับไม่เกิน 300000 บาท หรือทั้งจำและปรับ
ติดเครดิตบูโร กี่ปีประวัติถึงจะหาย!?
สำหรับคนที่กังวลใจว่าหากติดเครดิตบูโรขึ้นมากี่ปีประวัติถึงจะหายไป!? ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าเครดิตบูโรจะมีการเก็บประวัติของคนที่ใช้บัตรเครดิตแและสินเชื่อเอาไว้ทั้งหมด 3 ปี (36 เดือน) ดังนั้น การตรวจสอบประวัติเครดิตบูโรทั้งหมดจึงสามารถทได้ในระยะเวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น และถ้าหากใครอยากทำการล้างประวัติเครดิตบูโรเสียใหม่ กี่ปีหาย!? ก็สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นผ่านเคล็ดลับการล้างประวัติเครดิตบูโร ที่จะกล่วถึงในหัวข้อถัดไปนั่นเอง...
ประวัติเครดิตบูโร สามารถล้างให้หายไปได้หรือเปล่า!?
เป็นคำถามที่พบบ่อยมากในช่วงปี 2561-2562 ว่า ประวัติเครดิตบูโรนั้น สามารถทำการล้างให้หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นได้หรือเปล่า สำหรับการล้างประวัติเครดิตบูโร สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ใช้ความพยายาม "ฟื้นฟูประวัติการใชบัตรเครดิต" โดยมีขั้นตอนการล้างประวัติเครดิตบูโรอย่างง่ายดาย ด้วยการชดใช้ชำระหนี้ที่มีอยู้ให้หมดอย่างรวดเร็วที่สุด และห้ามผิดนัดการชำระอย่างเด็ดขาด เมื่อทำตามเคล็ดลับนี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ประวัติของหนี้ที่ดี จะค่อยๆเข้าไปสลับกับประวัติหนี้เสียของเดิมไปเรื่อยๆ เนื่องจากทางเครดิตบูโรจะทำการเก็บประวัติหนี้เอาไว้ได้เสูงสุดเพียง 36 งวด (เดือน) เท่านั้น เมื่อประวัติการชำระที่ดีตรงเวลาเข้าไปแทนที่ ก็จะกลายเป็นการล้างประวัติเครดิตบูโรของเก่าไปจนสะอาดเอี่ยมอ่องเลยทีเดียว หลังจากที่ประวัติเครดิตบูโรได้รับการล้างจนสะอาดแล้ว คราวนี้ก็จะสามารถทำการกู้ยืมสินเชื่อใหม่ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง...
อยากล้างประวัติเครดิตบูโร ทำได้ที่ไหนกันบ้าง!?
อย่างที่ได้แนะนำไปแล้วในตอนต้นว่า การล้างเครดิตบูโรนั่้น สามารถทำได้ขอเพียงแค่ใช้ระยะเวลาในการสะสมประวัติล้างเครดิตบูโรใหม่เป็นระยะเวลา 36 เดือน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปติดต่อเพื่อขอทำการล้างประวัติเครดิตบูโรที่ไหน หรือต้องไปติดต่อที่ไหนให้เหนื่อย เพระาการล้างเครดิตบูโร สามารถทำได้อย่างง่ายดายได้จากทุกสถานที่ ขอเพียงแค่มีวินัยในการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม และชำระค่าบริการบัตรเครดิตให้ตรงเวลาทุกงวด เพียงเท่านี้การล้างประวัติเครดิตบูโร ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลกก็ตาม...
สำหรับคนที่ไม่เคยตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองเลยอาจมีความสงสัยว่าจะทราบได้อย่างไรว่าตนเองเป็นลูกค้าชั้นดี หรือมีประวัติทางการเงินที่ดีกับทางเครดิตบูโร ที่จริงแล้วก็ไม่ต้องไปทำการตรวจสอบประวัติกับทางเครดิตบูโรให้วุ่นวาย เพราะตัวเราเองก็รู้อยู่กับใจว่าพฤติกรรมในการใช้เงินและชำระคืนให้กับทางสถาบันทางเงินตรงเวลาหรือไม่? ถ้าหากคืนเงินเต็มจำนวนอย่างเหมาะสมครบถ้วนไม่เกิดดอกเบี้ยจากความล่าช้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้เมื่อทำการสมัครขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน มักจะมีข้อเสนอพิเศษในการสมัครเพิ่มเติมเข้ามา นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยแสดงให้เห็นว่าทางสถาบันการเงินได้รับข้อมูลว่าคุณเป็น “ลูกค้าชั้นดี” จากทางเครดิตบูโรนั่นเอง
เทคนิคการรักษาสถานะลูกค้าชั้นดี กับทางเครดิตบูโรให้ยาวนาน
การได้รับฐานะ “ลูกค้าชั้นดี” จากทางเครดิตบูโร นั่นหมายความว่าอนาคตในการขอกู้สินเชื่อย่อมเต็มไปด้วยความสดใส ถ้าหากใครอยากได้รับฐานะนี้ก็สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ รับรองว่าจะช่วยทำให้ประวัติของคุณกับเครดิตบูโรดีขึ้นแบบทันตาเลยทีเดียว
1.แบ่งสัดส่วนหนี้อย่างเหมาะสม
ด้วยการพยายามแบ่งสัดส่วน ไม่สร้างภาระหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้กับสถาบันทางการเงินในจำนวนที่สูงมากจนกินไป จนกระทั่งทำให้หลังจากที่ทำการหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้วไม่เพียงพอต่อค่าชำระหนี้ขั้นต่ำ
2.ครอบครองบัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น
ยิ่งมีบัตรเครดิตในครอบครองจำนวนมากเท่าใด โอกาสที่จะเผลอนำมารูดใช้กับสิ่งที่ไม่จำเป็นจนกระทั่งนำไปสู่ปัญหาการชำระหนี้ได้ไม่ตรงเวลาและกลายมาเป็นหนี้จำนวนมหาศาลในที่สุด นอกจากนี้สถาบันทางการเงินมักจะพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตให้กับคนที่มีศักยภาพคืนเงินขั้นต่ำเท่านั้น ยิ่งมีจำนวนบัตรเครดิตมากเท่าไหร่ โอกาสที่สถาบันทางการเงินจะอนุมัติบัตรใบใหม่ให้ หรือให้สินเชื่อทางการเงินก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยเท่านั้น
3.ชำระค่าบริการสินเชื่อตามเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างตรงเวลา
ควรชำระหนี้ทุกรายการให้ครบถ้วนจากทุกสถาบันทางการเงินอย่างน้อยที่สุดให้เท่ากับยอดชำระขั้นต่ำที่สุด ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ถ้าหากจะให้ดีควรชำระให้ครบเต็มจำนวนตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงเอาไว้ในสัญญากับสถาบันทางการเงิน
4.หากไม่ชำระหนี้หรือใบแจ้งยอดหนี้มีความผิดปกติ
ในกรณีนี้ควรรีบทำการติดต่อกับสถาบันทางการเงินอย่างรวดเร็วที่สุด และควรทำการร้องเรียนเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ แก้ไขข้อมูลที่ผิดปกติหรือเกิดความคลาดเคลื่อนเหล่านั้นให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่อาจเกิดการร้องเรียนระหว่างกันขึ้นในภายหลัง
ควรทำการตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเองหรือเปล่า!?
สำหรับคนที่ทำการชำระหนี้บัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีประวัติเบี้ยวการชำระเงิน การตรวจสอบเครดิตของตัวเองกับทางเครดิตบูโรฟังดูอาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้วการตรวจสอบเครดิตบูโรจะช่วยให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า มีผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลและเอกสารส่วนตัวของเราไปใช้ในการแอบอ้างทำการสมัครบัตรเครดิต หรือสินเชื่ออื่นๆ จนกระทั่งทำให้เกิดความเสียหายต่อประวัติของเราในเครดิตบูโรหรือไม่!? ถ้าหากทำการตรวจสอบแล้ว ดังนั้น การยอมเสียเวลาเพิ่มเติมอีกสักนิดจะช่วยให้คุณมั่นใจในประวัติทางการเงินที่ขาวสะอาดได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน...
สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร ทางออกของคนประวัติไม่ดี (อัพเดท 2018-2019)
สำหรับคนที่ทราบไปแล้วว่าเครดิตบูโร คืออะไร และทำการเช็คแล้วพบว่าตนเองติดปัญหาเครดิตบูโร แล้วยังไม่สามารถทำการล้างประวัติได้ แต่มีความต้องการกู้ยืมสินเชื่อมาเพื่อใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ก็ยังพึ่งตกใจไป เพราะยังพอมีหนทางแก้ไข เพื่อช่วยให้ได้นับสินเชื่อได้เช่นกัน โดยข้อมูลนี้ได้รับการอัพเดทในปี 2018-2019 ดังต่อไปนี้
1.สินเชื่อพิเศษไม่เช็คเครดิตบูโรโดยเฉพาะ
สถาบันทางการเงินหลายแห่งมักทำการออกโปรโมชั่นมาให้วงเงินสินเชื่อกับคนที่มีปัญาหติดเครดิตบูโร แต่ต้องการทำการกู้เงินเพื่อขอใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถกู้สินเชื่อประเภทนี้ได้ต้องเป็นคนที่ยังไม่ได้ล้างประวัติ และเป็นลูกหนี้ของบัตรเครดิตอยู่ แต่สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโรนี้ มักจะมีโปรโมชั่นออกมาเป็นบางช่วง ทำให้จำเป็นที่จะต้องมีการติดตามข่าวสารจากสถาบันทางการเงินเหล่านี้อยู่บ่อยๆ
2.สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร : บริษัทรีไฟแนนซ์ หรือลีสซิ่ง
บริษัทรีไฟแนนซ์ หรือลีสซิ่ง เป็นหนึ่่งในตัวช่วยที่เข้ามามีบทบาทในการล้างประวัติเครดิตบูโรให้ดีมากยิ่่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการให้ทำการกู้ยืนสินเชื่อโดยไม่ทำการเช็คเครดิตบูโร แต่อย่างไรก็ตามสถาบันทางการเงินเหล่านี้ จะปล่ยวงเงินที่น้อยกว่าธนาคาร
3.สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร : สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นหนึ่งในทางออกที่น่าสนใจอย่างมากของคนที่มีปัญหาหนี้บัตรเครดิต เพราะสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสามารถช่วยทำให้ล้างประวัติปิดหนี้เครดิตบูโรได้อย่างเรียบร้อย ด้วยการรวบหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดเอามาไว้ในที่เดียวกันแล้วค่อยทำการผ่อนชำระคืนให้กับทางไฟแนนซ์ในอัตราที่ตกลงกันเอาไว้ เมื่อประวัติเครดิตบูโรกลับมาขาวสะอาดก็จะช่วยทำให้การกู้สินเชื่อต่างๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง
บทสรุปส่งท้าย : เครดิตบูโร เรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ
จากข้อมูลในเบื้องต้นดังที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น..
จะเห็นได้ว่าเครดิตบูโรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับคนที่ต้องการกู้สินเชื่อ และใช้บริการบัตรเครดิต เพราะหากประวัติด้านการเงินกับเครดิตบูโรไม่ดีแล้วล่ะก็
โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติด้านการเงินก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากประวัติทางการเงินของเครดิตบูโรอยู่ในเกณฑ์ดี รับรองว่าการขอกู้สินเชื่อต่างๆ ก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างมากเลยทีเดียว