เครดิตบูโร
บัตรเครดิต ซิตี้ แคชแบ็ก แพลตตินั่ม

Contents

เจาะลึกเครดิตบูโร! รู้จักไว้อุ่นใจเรื่องสินเชื่อ..
สำคัญแค่ไหน ขอหรือตรวจสอบได้อย่างไรกันบ้าง!?

 

เครดิตบูโร

 

คนทั่วไปที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่มผู้ใช้บัตรเคดิตเป็นหลัก..

เชื่อว่าคงจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการขอสินเชื่อกับธนาคารหรือสถาบันทางการเงิน อาจจะเคยได้ยินชื่อของ "เครดิตบูโร"ผ่านหูกันกันมาบ้าง

แต่อาจไม่เคยทราบข้อมูลเชิงลึกว่าเจ้าเครดิตบูโรนั้นคืออะไรฦ เหตุใดถึงได้มีความสำคัญถึงขนาดมีการกล่าวถึงกันให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง?

ถ้าหากใครกำลังศึกษาค้นคว้าหาจ้อมูลเกี่ยวกับเครดิตบูโรอยู่ แล้วอยากทราบรายละเอียดชิงลึกล่ะก็ รับรองว่าบทความชิ้นนี้จะสามารถช่วยได้อย่างแน่นอน...

 

เครดิตบูโร คืออะไร!? ข้อมูลถูกเก็บเอาไว้ที่ไหนกัน!?

 

เครดิตบูโร

 

เครดิตบูโร” เป็นบริการหนึ่งของ บริษัท “ข้อมูลบัตรเครดิตแห่งชาติ จำกัด” (Nation Credit Bureau) หรือที่เรียกกันติดปากว่า “เครดิตบูโร” ที่มีแนวคิดริเริ่มการก่อตั้งมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 ด้วยความร่วมระหว่างสมาคมธนาคารไทยกับธนาคารแห่งประเทศไทยที่ต้องการให้มีแหล่งแลกเปลี่ยนข้อมูลกลางของลูกค้าธนาคารพาณิชย์เพื่อช่วยลดความเสี่ยงในการให้กู้สินเชื่อ และป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับธนาคารพาณิชย์

ทำให้เครดิตบูโร จึงทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเครดิตจากสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรมาทำการประมวลผลเป็น “ข้อมูลบัตรเครดิต” ที่สมาชิกในกลุ่มสามารถทำการเรียกตรวจสอบรายงานบัตรเครดิตได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งข้อมูลในส่วนนี้เองที่มีความสำคัญอย่างมากในการตัดสินใจอนุมัติสินเชื่อ และบัตรเครดิตให้กับผู้ที่ร้องขอ

ถ้าหากประวัติทางการเงินกับเครดิตบูโรดี การอนุมัติการเงินก็จะสะดวกราบรื่น แต่ในทางตรงกันข้ามหากประวัติทางการเงินกับเครดิตบูโรไม่ดี มีการค้างชำระบิลบัตรเครดิตบ่อยครั้ง มีการใช้จ่ายบัตรเครดิตเต็มยอดจำนวนเสมอ และยังมีพฤติกรรมสมัครบัตรเครดิตหลายใบจากหลายสถาบันการเงิน โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติด้านสินเชื่อก็จะลดน้อยลงอย่างมากเลยทีเดียว

 

ความหมายของคำว่า "สินเชื่อ" ของเครดิตบูโร คืออะไร!?

 

ข้อมูล "สินเชื่อ" ที่ถูกเก็บเอาไว้ในเครดิตบูโร หลายคนอาจมีความสงสัยว่ามันคืออะไร!? หมายถึงประวัติการใช้งานบัตรเครดิตหรือเปล่า!? คำตอบคือ "ไม่ใช่" เนื่องจากคำว่า "สินเชื่อ" ตามกฏหมายของเครดิตบูโร มีคสามหมายที่ครอบคลุมกว้างมากกว่าเพียงแค่เรื่องของบัตรเครดิต แต่รวมไปถึงสินเชื่ออีกหลายรายการ ยกตัวอย่างเช่น

  • สินเชื่อเงินสด
  • สินเชื่อกู้ยืมเพื่อทำการซื้อบ้าน ที่อยู่อาศัยและที่ดิน
  • สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่ออเนกประสงค์
  • สินเชื่อบัตรเครดิต
  • สินเชื่อเช่าซื้อรถยนตร์ รถจักรยานยนตร์
  • สินเชื่อรถแลกเงิน
  • สินเชื่อค้ำประกัน
  • การให้ยืมหลักทรัพย์ และการซื้อ-ขาย หลักทรัพย์

 

เครดิตบูโร คือการแสดงข้อมูลส่วนของ "ทรัพย์สิน" หรือเปล่า!?

 

หากทำการสรุปให้เข้าใจอย่างง่ายดาย เครดิตบูโรจะทำการแสดงเพียงส่วนของ "หนี้สิน" เท่านั้น โดยไม่ได้แสดงส่วนของทรัพย์สินของผู้ที่ทำการกู้สินเชื่อ อาทิเช่น เงินฝาก บ้านหรือที่ดินที่ครอบครองเป็นเจ้าของอยู่

 

ข้อมูลของเครดิตบูโรมาจากไหน

 

เครดิตบูโร

 

ข้อมูลของเครดิตบูโรจะได้รับมาจาก “สมาชิก” อันประกอบด้วยธนาคารพาณิชย์ ธนาคารของรัฐ บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทเครดิตฟองซอเอร์ บริษัทประกันวินาศภัย และประกันชีวิต เป็นต้น สมาชิกเหล่านี้จะทำการแจ้งประวัติทางการเงินให้กับทางเครดิตบูโรเพื่อจัดเก็บเป็นข้อมูลกลางให้สมาชิกเข้าดูข้อมูลเพื่อนทำการวิเคราะห์การอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งบุคคลธรรมดาก็สามารถขอดูข้อมูลจากทางเครดิตบูโรได้เช่นกัน แต่จะเป็นเพียงเฉพาะข้อมูลเครดิตบูโรของตัวเองเท่านั้น ไม่สามารถขอดูข้อมูลของผู้อื่นหรือลูกหนี้ของตัวเองได้

 

คลังข้อมูลของเครดิตบูโร เก็บรายละเอียดใดเอาไว้บ้าง?

โดยทั่วไปแล้วทางเครดิตบูโรจะทำการเก็บข้อมูลของผู้ใช้บัตรเครดิตจากผู้ให้บริการที่เป็นสมาชิก โดยมีข้อมูลสำคัญสองส่วน ดังต่อไปนี้

 

1.เครดิตบูโร : เก็บข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการบัตรเครดิต

 

เครดิตบูโร ทำการจัดเก็บข้อมูลพื้นฐานเช่น ชื่อ – นามสกุล วัน/เดือน/ปีเกิด อาชีพ ฐานเงินเดือน และสถานภาพการสมรส อย่างไรก็ตามทางเครดิตบูโรจะไม่มีการจัดเก็บข้อมูลเช่น ประวัติคดีอาญาเอาไว้ ถ้าหากต้องการเช็กประวัติในส่วนนี้ควรติดต่อกับเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเป็นการดีกว่า

 

2.เครดิตบูโร : เก็บข้อมูลประวัติการขอ การอนุมัติและการชำระสินเชื่อ

 

นอกจากนี้ ยังทำการจัดเก็บประวัติการชำระสินค้า รวมไปถึงบริการที่ทำการชำระโดยการใช้บัตรเครดิต เป็นต้น เรียกได้ว่าทุกการทำธุรกรรมโดยใช้บัตรเครดิต และสินเชื่อทั้งหมดที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ก็จะไปปรากฏอยู่ในประวัติของเครดิตบูโรทั้งหมดนั่นเอง

 

ข้อมูลของเครดิตบูโร มีการอัพเดทรวเร็วเพียงใด!?

 

ในทางกฎหมาย ยังไม่มีข้อกำหนดว่าสถาบันทางการเงินที่เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรจะต้องทำการส่งข้อมูลลุกค้าไปยังฐานข้อมูลเมื่อไหร่!? ดังนั้น ดุลพินิจในการจัดส่งข้อมูลทใหม่ล่าสุดให้กับทางเครดิตบูโร ทำให้โดยส่วนใหญ่แล้วมักี่จะทำการส่งข้อมูลกันเดือนละ 1 ครั้ง

 

เครดิตบูโรเก็บข้อมูลประวัติสินเชื่อทางการเงินเอาไว้นานเพียงใด

เครดิตบูโร

 

เครดิตบูโร ทำการจัดเก็บประวัติทางการเงิน การได้รับอนุมัติสินเชื่อ รวมไปถึงประวัติในการชำระสินเชื่อล่าสุดย้อนหลัง 36 เดือน ซึ่งสินเชื่อในที่นี้หมายถึง ประวัติการใช้บัตรเครดิต สินเชื่อบ้าน สินเชื่อรถยนต์ สินเชื่อเงินสด ประวัติการค้ำประกัน และการซื้อขายหลักทรัพย์ เป็นต้น โดยจะแสดงข้อมูลให้เห็นเฉพาะในส่วนของ “หนี้สิน” เท่านั้น โดยไม่แสดงข้อมูลในส่วนของทรัพย์สินที่ครอบครองอยู่

 

ควรตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองหรือเปล่า?

เครดิตบูโร

 

การตรวจสอบเครดิตบูโรไม่ควรทำเมื่ออยากทำการสมัครสินเชื่อ หรือทำเรื่องเพื่อขอกู้เงินเท่านั้น แต่ควรทำการตรวจสอบอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อเช็กข้อมูลของตัวเองเกี่ยวกับประวัติในการชำระหนี้สิ้นเพื่อที่จะได้เห็นภาพรวมในการใช้เงินและชำระเงินคืนให้กับทางสถาบันทางการเงินว่ามีจุดด้อยอย่างไร เพื่อช่วยในการวางแผนรับมือแก้ไขได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ยังเป็นการช่วยตรวจสอบความถูกต้องของรายงานเครดิตบูโร เพื่อให้ทราบว่ามีคนแอบอ้างปลอมแปลงนำข้อมูลไปใช้ในการกู้ยืมสินเชื่อหรือเปล่า? เพราะข้อมูลที่ได้รับจากเครดิตบูโรมีการอัพเดทที่สดใหม่อยู่เสมอนั่นเอง ถ้าหากตรวจพบว่าข้อมูลในเครดิตบูโรมีความผิดปกติ ขอแนะนำให้ทำตามขั้นตอน ดังต่อไปนี้

 

1.แจ้งสถาบันทางการเงินอย่างรวดเร็วที่สุด

 

เพื่อให้ทราบว่าข้อมูลที่ปรากฏอยู่ในเครดิตบูโรนั้นมีความไม่ถูกต้อง หรือไม่มีการอัปเดตประวัติ เพื่อให้สถาบันทางการเงินเหล่านั้นทำการแก้ไขหรือส่งข้อมูลใหม่ให้กับทางเครดิตบูโร เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ในด้านข้อมูลของตัวเอง

 

2.ยื่นเรื่องกับทางเครดิตบูโรโดยตรง

เครดิตบูโร

 

สามารถทำการยื่นแบบฟอร์ม “คอขอโต้แย้ง” ให้กับทางเครดิตบูโรกับศูนย์ให้บริการที่กำลังจะขอกล่าวถึงในหัวข้อต่อไป เพื่อให้ทางเครดิตบูโรทำการแก้ไขข้อมูลให้มีความถูกต้องภายใน 30 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้ง และในกรณีที่เกิดข้อพิพาทโต้แย้งกันไม่อาจหาข้อยุติได้ เครดิตบูโรจะทำการบันทึกข้อโต้แย้งพร้อมหลักฐานประกอบเอาไว้ในข้อมูลระบบ พร้อมกับยังสามารถอุทธรณ์เรื่องต่อไปเพื่อให้คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตเพื่อให้ตัดสินชี้ขาดกรณีพิพาทอย่างเป็นธรรมที่สุด

 

 การขอตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง ต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง?

 

เครดิตบูโร

 

ถ้าหากต้องการทำการตรวจสอบเครดิตบูโรขอแนะนำให้ทำการจัดเตรียมเอกสาร และค่าธรรมเนียมในการให้บริการให้ครบถ้วน เพื่อให้ง่ายต่อการติดต่อประสานงานและจัดเตรียมเอกสาร ดังต่อไปนี้

  • ค่าธรรมเนียนมบริการ 100 บาท (ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล) และ 150 บาท สำหรับการส่งรายงานผลทางการเงินให้กับผู้ร้องขอทางไปรษณีย์ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
  • บัตรประจำตัวประชาชน

 

ขอทำการเช็ค และติดต่อเพื่อขอตรวจเครดิตบูโร ได้ที่ไหนกันบ้าง?

เครดิตบูโร

 

ผู้ใช้บริการบัตรเครดิตบูโรสามารถทำการติดต่อเพื่อขอตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองได้ไม่ยาก ผ่านขั้นตอนง่ายๆ ดังต่อไปนี้

กรุงเทพและปริมณฑล (รอรับข้อมูลด้วยตัวเอง)

 

ภายใน 15 นาทีสามารถทำการติดต่อขอรับผลตรวจเครดิตบูโรได้ที่

เครดิตบูโร

 

วันจันทร์-วันศุกร์ (หยุดวันนักขัตฤกษ์) เวลา 9.00 – 18.00 น.

  • ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) อาคาร 2 ชั้น 2
  • อาคารเพิร์ล แบงก์ค็อก ชั้น 3 (โซนธนาคาร)
  • สถานีรถไฟฟ้า BTS ศาลาแดง (ภายในสถานี)

 

วันจันทร์ – วันอาทิตย์ เวลา 9.00 – 18.00 น.

  • สถานีรถไฟฟ้า BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ภายในสถานี)
  • ห้างเจ-เวนิว (นวนคร) ชั้น 3 ติดประกันสังคม

 

วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 11.00 – 18.00 น.

  • CITI เดอะมอลล์บางกะปิ งามวงศ์วาน และศูนย์การค้าเมกะ บางนา
  • UBO สาขาเซ็นทรัลพลาซ่าเวสต์เกต บางใหญ่ และเดอะมอลล์ท่าพระ

 

เครดิตบูโร

 

กรุงเทพฯและต่างจังหวัด (ส่งข้อมูลการตรวจสอบให้ทางไปรษณีย์)

 

เครดิตบูโร

 

ภายใน 7 วันทำการ  และจัดส่งทางอีเมล ในหัวข้อ E-Credit Report

  • เคาน์เตอร์ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา กรุงไทย ธนชาติ ธอส และแลนด์แอนเฮ้าส์ ทุกสาขา
  • ที่ทำการไปรษณีย์ (เฉพาะสาขาที่ให้บริการ)

 

การตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง

 

เครดิตบูโร

 

สำหรับการตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายๆ หากเคยทำการลงทะเบียนกับผู้ให้บริการบัตรเครดิต สินเชื่อและมีการโหดแอพลิเคชั่นที่เหมาะสมมาใช้งาน โดยมีรายละเอียดในการทำการตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเอง ดังต่อไปนี้

 

1.ตรวจสอบเครดิตบูโรโดยใช้บัตร ATM

 

การตรวจสอบเครดิตบูโรด้วยตัวเองสามารถทำได้ง่ายๆ เพียงแค่ใช้บัตร ATM ของกรุงไทย และไทยพาณิชย์ แล้วทำรายการตรวจสอบผ่านทางตู้ ATM ของธนาคารเจ้าของบัตร ATM ในส่วนของเมนูตรวจสอบเครดิตบูโร  เพียงเท่านี้ก็จะสามารถทำการตรวจสอบเครดิตบูโรได้ด้วยตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

2.การตรวจสอบเครดิตบูโรผ่านโทรศัพท์มือถือและเว็บไซต์

เครดิตบูโร

 

สำหรับคนที่ลงทะเบียนธนาคารกรุงไทย และธนชาติ สามารถทำการตรวจสอบกรุงเทพและปริมณฑลได้ด้วยตัวเองผ่านแอพพลิเคชั่นของโทรศัพท์มือถือ และผู้ใช้บริการธนาคารออนไลน์ กรุงศรีอยุธยา กรุงไทย ที่มีบัญชีธนาคารและสามารถทำรายการผ่านทางเว็บไซต์

 

ตัวเลขต่างๆที่ปรากฏในรายงานของเครดิตบูโร มีความหมายอย่างไร

 

เครดิตบูโร

 

คนที่ขอข้อมูลจากทางเครดิตบูโรเป็นครั้งแรกอาจเกิดความสงสัยว่าเหล่าตัวเลขที่ปรากฏอยู่ในรายงานจำนวนมากนั้นหมายความว่าอย่างไรบ้าง?

10 มีความหมายว่า “ปกติ” บัญชีนี้มีการชำระสินเชื่อตรงตามเงื่อนไข ตามเวลา ไม่มียอดค้างชำระ หรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน

11 มีความหมายว่า “ปิดบัญชี” หนี้สินในบัญชีนี้ได้รับการชำระเรียบร้อย ไม่มียอดหนี้ค้างชำระ

12 มีความหมายว่า “พักชำระหนี้” ตามนโยบายของรัฐ บัญชีนี้เคยมียอดค้างชำระ แต่อยู่ระหว่างเข้าร่วมโครงการพักชำระหนี้ของรัฐ จึงทำให้อยู่ในสถานะไม่เป็นการค้างชำระ

20  มีความหมายว่า “หนี้ค้างชำระเกิน 90 วัน” เคยมีการค้างชำระหนี้ และมีการค้างชำระหนี้ในปัจจุบัน ทำให้ลูกหนี้ในสถานะนี้มีผลเชิงลบต่อกาพิจารณาสินเชื่อกับทางเครดิตบูโร

 

สิ่งที่คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดเกี่ยวกับเครดิตบูโร

 

เครดิตบูโร

 

มีความเข้าใจผิดหลายประการของคนทั่วไปเกี่ยวกับเครดิตบูโร โดยสามารถสรุปออกได้เป็นหัวข้อเพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจ ดังต่อไปนี้

 

1.ส่งดอกเบี้ยให้กับธนาคารและบัตรเครดิตมากไม่ใช้ลูกค้าชั้นดี

เครดิตบูโร

 

คนทั่วไปมักเชื่อว่าการจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารและบัตรเครดิตเป็นจำนวนมากถือว่าเป็น “ลูกค้าชั้นดี” แต่ที่จริงแล้วสถาบันทางการเงินมองตรงกันข้าม เพราะการจ่ายดอกเบี้ยเป็นจำนวนมาก นั่นหมายความว่าเป็นเพียงการชำระเงินขั้นต่ำที่สุด หรือการชำระเงินแบบล่าช้าจนกระทั่งทำทำให้เกิดดอกเบี้ยจำนวนมาก ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของคนที่ไม่มีวินัยทางการเงิน ทำให้สถาบันทางการเงินพยายามหลีกเลี่ยงลูกค้าในกลุ่มนี้เป็นอย่างมากเพราะมีความเสี่ยงในการค้างชำระสูงนั่นเอง

 

2.ผู้ให้บริการสาธารณูประโภคไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร

เครดิตบูโร

 

หลายคนเข้าใจผิดว่าผู้ให้บริการสาธารณูประโภคเช่น ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และอินเทอร์เน็ต เป็นสมาชิกของเครดิตบูโร แต่ที่จริงแล้วบริษัทเหล่านี้ไม่ได้เป็นสมาชิกของเครดิตบูโรแต่อย่างใด ดังนั้น การค้างชำระค่าบริการของบริษัทเหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบกับเครดิตบูโรแต่อย่างใด แต่ขอแนะนำให้ทำการหมั่นชำระค่าบริการให้ตรงเวลาเอาไว้ เพื่อที่จะได้เป็นการสร้างวินัยให้กับตัวเอง

 

ทราบได้อย่างไรว่าเราเป็นลูกค้าชั้นดีของเครดิตบูโร

 

เครดิตบูโร

 

ติดเครดิตบูโรคืออะไร!?

 

กาติดเครดิตบูโร เป็นสิ่งที่ "ไม่มีอยู่จริง" เป็นเพียงคำเรียกติดปากสำหรับคนที่มีประวัติทางการเงินที่ไม่ค่อยดีนัก เช่น ชำระไม่ตรงเวลา ชำระไม่ครบถ้วน จนทำให้ทางสถาบันทางการเงินต้องมีการติดตามทวงถามและหนักเข้าก็ถึงกับต้องทำการฟ้องร้องขึ้นศาลเพื่อให้มีการชำระหนี้กันเลยทีเดียว สิ่งนี้ทำให้หลายคนเชื่อว่าตัวเองได้ติด "บัญชีดำ" หรือ "แบล็กลิสต์" ของเครดิตบูโร จนทำให้การขออนุมัติสินเชื่อของสถาบันทางการเงินกลายเป็นเรื่องที่ยากมากขึ้นกว่าเดิม แต่ที่จริงแล้วอย่างที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้นว่า เครดิบบูโร คือการแสดงข้อมูลเฉพาะในส่วนของ "หนี้สินเท่านั้น" และเป็นเพียงข้อมูลหนึ่งในองค์ประกอบการพิจารณาสินเชื่อ ส่วนการตัดสินใจขั้นตอนสุดท้ายขึ้นอยู่กับทางสถาบันทางการเงินแต่ละแห่งเท่านั้น

 

เคล็ดลับล้างประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโร ทำได้อย่างไร ที่ไหนกันบ้าง!? (อัพเดท 2563-2564)

 

เครดิตบูโร

 

สำหรับคนที่มีปัญหาเป็นหนี้บัตรเครดิต และยังไม่ได้ทำการชำระจนหมด อาจทำให้เกิดความกลัวว่าตัวเองจะทำการติด "แบล็กลิสต์ เครดิตบูโร" จนทำให้ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆได้อีกตลอดชีวิต จนทำให้หลายคนพยายามหาวิธีการล้างประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโรของตัวเองอย่างเอาเป็นเอาตายเลยทีเดียวแต่ที่จริงแล้ว ประวัติแบล็กลิสต์ เครดิตบูโร เป็นเพียงคำชวนเชื่อที่บริษัททวงถามหนี้บัรเครดิตนำมาใช้ในการเร่งรัดหนี้สินเท่านั้น เพราะในพระราชบัญญัติการทวงถามหนี้ พ.ศ.2558 ได้มีการกำหนดเอาไว้ว่า "ห้ามทวงหนี้แบบหลอกลวงให้เข้าใจผิด" ดังนั้น การหลอกให้ลูกหนี้เข้าใจผิดว่าจะติดเครดิตบูโร ถือว่ามีความผิดตามกฏหมายต้องระวังโทษจำคุก 3 ปี และปรับไม่เกิน 300000 บาท หรือทั้งจำและปรับ

 

ติดเครดิตบูโร กี่ปีประวัติถึงจะหาย!?

เครดิตบูโร

 

สำหรับคนที่กังวลใจว่าหากติดเครดิตบูโรขึ้นมากี่ปีประวัติถึงจะหายไป!? ก่อนอื่นต้องทราบก่อนว่าเครดิตบูโรจะมีการเก็บประวัติของคนที่ใช้บัตรเครดิตแและสินเชื่อเอาไว้ทั้งหมด 3 ปี (36 เดือน) ดังนั้น การตรวจสอบประวัติเครดิตบูโรทั้งหมดจึงสามารถทได้ในระยะเวลาเพียง 3 ปี เท่านั้น และถ้าหากใครอยากทำการล้างประวัติเครดิตบูโรเสียใหม่ กี่ปีหาย!? ก็สามารถทำได้อย่างไม่ยากเย็นผ่านเคล็ดลับการล้างประวัติเครดิตบูโร ที่จะกล่วถึงในหัวข้อถัดไปนั่นเอง...

 

ประวัติเครดิตบูโร สามารถล้างให้หายไปได้หรือเปล่า!?

 

เป็นคำถามที่พบบ่อยมากในช่วงปี 2561-2562 ว่า ประวัติเครดิตบูโรนั้น สามารถทำการล้างให้หายไปเหมือนไม่เคยเกิดขึ้นได้หรือเปล่า สำหรับการล้างประวัติเครดิตบูโร สามารถทำได้อย่างง่ายดายเพียงแค่ใช้ความพยายาม "ฟื้นฟูประวัติการใชบัตรเครดิต" โดยมีขั้นตอนการล้างประวัติเครดิตบูโรอย่างง่ายดาย ด้วยการชดใช้ชำระหนี้ที่มีอยู้ให้หมดอย่างรวดเร็วที่สุด และห้ามผิดนัดการชำระอย่างเด็ดขาด เมื่อทำตามเคล็ดลับนี้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ประวัติของหนี้ที่ดี จะค่อยๆเข้าไปสลับกับประวัติหนี้เสียของเดิมไปเรื่อยๆ เนื่องจากทางเครดิตบูโรจะทำการเก็บประวัติหนี้เอาไว้ได้เสูงสุดเพียง 36 งวด (เดือน) เท่านั้น เมื่อประวัติการชำระที่ดีตรงเวลาเข้าไปแทนที่ ก็จะกลายเป็นการล้างประวัติเครดิตบูโรของเก่าไปจนสะอาดเอี่ยมอ่องเลยทีเดียว หลังจากที่ประวัติเครดิตบูโรได้รับการล้างจนสะอาดแล้ว คราวนี้ก็จะสามารถทำการกู้ยืมสินเชื่อใหม่ได้อย่างง่ายดายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง...

 

อยากล้างประวัติเครดิตบูโร ทำได้ที่ไหนกันบ้าง!?

 

อย่างที่ได้แนะนำไปแล้วในตอนต้นว่า การล้างเครดิตบูโรนั่้น สามารถทำได้ขอเพียงแค่ใช้ระยะเวลาในการสะสมประวัติล้างเครดิตบูโรใหม่เป็นระยะเวลา 36 เดือน ดังนั้น จึงไม่จำเป็นที่จะต้องไปติดต่อเพื่อขอทำการล้างประวัติเครดิตบูโรที่ไหน หรือต้องไปติดต่อที่ไหนให้เหนื่อย เพระาการล้างเครดิตบูโร สามารถทำได้อย่างง่ายดายได้จากทุกสถานที่ ขอเพียงแค่มีวินัยในการใช้จ่ายอย่างเหมาะสม และชำระค่าบริการบัตรเครดิตให้ตรงเวลาทุกงวด เพียงเท่านี้การล้างประวัติเครดิตบูโร ก็สามารถที่จะเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดของโลกก็ตาม...

 

บัตรเครดิต ซิตี้ พรีเมียร์

 

บัตรเครดิต ซิตี้ พรีเมียร์

 

สำหรับคนที่ไม่เคยตรวจสอบเครดิตบูโรของตัวเองเลยอาจมีความสงสัยว่าจะทราบได้อย่างไรว่าตนเองเป็นลูกค้าชั้นดี หรือมีประวัติทางการเงินที่ดีกับทางเครดิตบูโร ที่จริงแล้วก็ไม่ต้องไปทำการตรวจสอบประวัติกับทางเครดิตบูโรให้วุ่นวาย เพราะตัวเราเองก็รู้อยู่กับใจว่าพฤติกรรมในการใช้เงินและชำระคืนให้กับทางสถาบันทางเงินตรงเวลาหรือไม่? ถ้าหากคืนเงินเต็มจำนวนอย่างเหมาะสมครบถ้วนไม่เกิดดอกเบี้ยจากความล่าช้าเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอก็ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้เมื่อทำการสมัครขอสินเชื่อจากสถาบันทางการเงิน มักจะมีข้อเสนอพิเศษในการสมัครเพิ่มเติมเข้ามา นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยแสดงให้เห็นว่าทางสถาบันการเงินได้รับข้อมูลว่าคุณเป็น “ลูกค้าชั้นดี” จากทางเครดิตบูโรนั่นเอง

 

เทคนิคการรักษาสถานะลูกค้าชั้นดี กับทางเครดิตบูโรให้ยาวนาน

 

เครดิตบูโร

 

การได้รับฐานะ “ลูกค้าชั้นดี” จากทางเครดิตบูโร นั่นหมายความว่าอนาคตในการขอกู้สินเชื่อย่อมเต็มไปด้วยความสดใส ถ้าหากใครอยากได้รับฐานะนี้ก็สามารถปฏิบัติตามขั้นตอนดังต่อไปนี้ รับรองว่าจะช่วยทำให้ประวัติของคุณกับเครดิตบูโรดีขึ้นแบบทันตาเลยทีเดียว

 

1.แบ่งสัดส่วนหนี้อย่างเหมาะสม

เครดิตบูโร

 

ด้วยการพยายามแบ่งสัดส่วน ไม่สร้างภาระหนี้ที่ต้องจ่ายคืนให้กับสถาบันทางการเงินในจำนวนที่สูงมากจนกินไป จนกระทั่งทำให้หลังจากที่ทำการหักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นแล้วไม่เพียงพอต่อค่าชำระหนี้ขั้นต่ำ

 

2.ครอบครองบัตรเครดิตเท่าที่จำเป็น

 

ยิ่งมีบัตรเครดิตในครอบครองจำนวนมากเท่าใด โอกาสที่จะเผลอนำมารูดใช้กับสิ่งที่ไม่จำเป็นจนกระทั่งนำไปสู่ปัญหาการชำระหนี้ได้ไม่ตรงเวลาและกลายมาเป็นหนี้จำนวนมหาศาลในที่สุด นอกจากนี้สถาบันทางการเงินมักจะพิจารณาอนุมัติบัตรเครดิตให้กับคนที่มีศักยภาพคืนเงินขั้นต่ำเท่านั้น ยิ่งมีจำนวนบัตรเครดิตมากเท่าไหร่ โอกาสที่สถาบันทางการเงินจะอนุมัติบัตรใบใหม่ให้ หรือให้สินเชื่อทางการเงินก็จะลดน้อยลงตามไปด้วยเท่านั้น

 

3.ชำระค่าบริการสินเชื่อตามเกณฑ์ขั้นต่ำอย่างตรงเวลา

 

ควรชำระหนี้ทุกรายการให้ครบถ้วนจากทุกสถาบันทางการเงินอย่างน้อยที่สุดให้เท่ากับยอดชำระขั้นต่ำที่สุด ภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ถ้าหากจะให้ดีควรชำระให้ครบเต็มจำนวนตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงเอาไว้ในสัญญากับสถาบันทางการเงิน

 

4.หากไม่ชำระหนี้หรือใบแจ้งยอดหนี้มีความผิดปกติ   

เครดิตบูโร

 

ในกรณีนี้ควรรีบทำการติดต่อกับสถาบันทางการเงินอย่างรวดเร็วที่สุด และควรทำการร้องเรียนเพื่อให้เกิดการตรวจสอบ แก้ไขข้อมูลที่ผิดปกติหรือเกิดความคลาดเคลื่อนเหล่านั้นให้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อใช้เป็นหลักฐานในกรณีที่อาจเกิดการร้องเรียนระหว่างกันขึ้นในภายหลัง

 

ควรทำการตรวจสอบข้อมูลเครดิตของตัวเองหรือเปล่า!?

 

เครดิตบูโร

 

สำหรับคนที่ทำการชำระหนี้บัตรเครดิตอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีประวัติเบี้ยวการชำระเงิน การตรวจสอบเครดิตของตัวเองกับทางเครดิตบูโรฟังดูอาจเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยสำคัญนัก แต่ที่จริงแล้วการตรวจสอบเครดิตบูโรจะช่วยให้มั่นใจมากยิ่งขึ้นว่า มีผู้ไม่หวังดีนำข้อมูลและเอกสารส่วนตัวของเราไปใช้ในการแอบอ้างทำการสมัครบัตรเครดิต หรือสินเชื่ออื่นๆ จนกระทั่งทำให้เกิดความเสียหายต่อประวัติของเราในเครดิตบูโรหรือไม่!? ถ้าหากทำการตรวจสอบแล้ว ดังนั้น การยอมเสียเวลาเพิ่มเติมอีกสักนิดจะช่วยให้คุณมั่นใจในประวัติทางการเงินที่ขาวสะอาดได้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิมอย่างแน่นอน...

 

สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร ทางออกของคนประวัติไม่ดี (อัพเดท 2018-2019)

 

เครดิตบูโร

 

สำหรับคนที่ทราบไปแล้วว่าเครดิตบูโร คืออะไร และทำการเช็คแล้วพบว่าตนเองติดปัญหาเครดิตบูโร แล้วยังไม่สามารถทำการล้างประวัติได้ แต่มีความต้องการกู้ยืมสินเชื่อมาเพื่อใช้ทำธุรกรรมต่างๆ ก็ยังพึ่งตกใจไป เพราะยังพอมีหนทางแก้ไข เพื่อช่วยให้ได้นับสินเชื่อได้เช่นกัน โดยข้อมูลนี้ได้รับการอัพเดทในปี 2018-2019 ดังต่อไปนี้

 

1.สินเชื่อพิเศษไม่เช็คเครดิตบูโรโดยเฉพาะ

 

สถาบันทางการเงินหลายแห่งมักทำการออกโปรโมชั่นมาให้วงเงินสินเชื่อกับคนที่มีปัญาหติดเครดิตบูโร แต่ต้องการทำการกู้เงินเพื่อขอใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยคุณสมบัติของผู้ที่จะสามารถกู้สินเชื่อประเภทนี้ได้ต้องเป็นคนที่ยังไม่ได้ล้างประวัติ และเป็นลูกหนี้ของบัตรเครดิตอยู่ แต่สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโรนี้ มักจะมีโปรโมชั่นออกมาเป็นบางช่วง ทำให้จำเป็นที่จะต้องมีการติดตามข่าวสารจากสถาบันทางการเงินเหล่านี้อยู่บ่อยๆ

 

2.สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร : บริษัทรีไฟแนนซ์ หรือลีสซิ่ง

 

บริษัทรีไฟแนนซ์ หรือลีสซิ่ง เป็นหนึ่่งในตัวช่วยที่เข้ามามีบทบาทในการล้างประวัติเครดิตบูโรให้ดีมากยิ่่งขึ้นกว่าเดิม ด้วยการให้ทำการกู้ยืนสินเชื่อโดยไม่ทำการเช็คเครดิตบูโร แต่อย่างไรก็ตามสถาบันทางการเงินเหล่านี้ จะปล่ยวงเงินที่น้อยกว่าธนาคาร

 

 

 

3.สินเชื่อไม่เช็คเครดิตบูโร : สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต

 

สินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต เป็นหนึ่งในทางออกที่น่าสนใจอย่างมากของคนที่มีปัญหาหนี้บัตรเครดิต เพราะสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตสามารถช่วยทำให้ล้างประวัติปิดหนี้เครดิตบูโรได้อย่างเรียบร้อย ด้วยการรวบหนี้บัตรเครดิตทั้งหมดเอามาไว้ในที่เดียวกันแล้วค่อยทำการผ่อนชำระคืนให้กับทางไฟแนนซ์ในอัตราที่ตกลงกันเอาไว้ เมื่อประวัติเครดิตบูโรกลับมาขาวสะอาดก็จะช่วยทำให้การกู้สินเชื่อต่างๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง

 

บทสรุปส่งท้าย : เครดิตบูโร เรื่องสำคัญที่ทุกคนควรใส่ใจ

บัตรเครดิต KTC Visa Platinum

 

บัตรเครดิต KTC Visa Platinum

 

จากข้อมูลในเบื้องต้นดังที่ได้กล่าวไปแล้วในตอนต้น..

จะเห็นได้ว่าเครดิตบูโรเป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมากกับคนที่ต้องการกู้สินเชื่อ และใช้บริการบัตรเครดิต เพราะหากประวัติด้านการเงินกับเครดิตบูโรไม่ดีแล้วล่ะก็

โอกาสที่จะได้รับการอนุมัติด้านการเงินก็ค่อนข้างเป็นเรื่องที่ลำบาก แต่ในขณะเดียวกันถ้าหากประวัติทางการเงินของเครดิตบูโรอยู่ในเกณฑ์ดี รับรองว่าการขอกู้สินเชื่อต่างๆ ก็จะเป็นไปอย่างราบรื่นอย่างมากเลยทีเดียว

 

 

 

บัตรเครดิต ซิตี้ แคชแบ็ก แพลตตินั่ม

อย่าลืมกดติดตามอัพเดตบทความและสาระดีดีกันนะ

บทความแนะนำ