- พันธบัตร ธ.ก.ส คือการกู้ยืมเงินโดยวิธีการวางจำหน่ายพันธบัตรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรในปี 2564 โดยมีวงเงิน 9,000 ล้านบาท
- 1 หน่วยการลงทุน = 1,000 บาท
- จำหน่ายให้เฉพาะกับสถาบันทางการเงินและนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร
- อายุการไถ่ถอน 2.43 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.90 จ่ายผลตอบแทน 2 งวด ในวันที่ 1 มิ.ย. และ 1 ธ.ค. ของทุกปี
- จำหน่ายแบบ Re – open ครั้งที่ 2 ในวันที่ 27 มิ.ย. 2565
Contents
- 1 พันธบัตร ธ.ก.ส ที่จำหน่ายในปี 2564-2565 มีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ
- 1.1 1.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: จุดประสงค์
- 1.2 2.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: 1 หน่วยการลงทุน = 1,000 บาท
- 1.3 3.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: จำหน่ายให้กับสถาบันการเงินและนิติบุคคลไม่แสวงหาผลกำไร
- 1.4 4.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: รายละเอียดของการลงทุน
- 1.5 5.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: ช่วงเวลาการวางจำหน่าย
- 2 ส่งท้ายก่อนจาก # พันธบัตร ธ.ก.ส หนึ่งในการลงทุนที่น่าจับตามมองในปี 2564 -2565
พันธบัตร ธ.ก.ส ที่จำหน่ายในปี 2564-2565 มีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้าง? บทความนี้มีคำตอบ
ในช่วงปี 2564 ที่ผ่านมา ทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธกส. ได้มีการวางจำหน่าย “พันธบัตร ธ.ก.ส” เพื่อระดมเงินทุน แต่เนื่องจากมียอดคงค้างเหลืออยู่ทำให้มีการ Re – Open นำพันธบัตร ธ.ก.ส มาจำหน่ายอีกครั้งในปี 2565 ส่วนพันธบัตร ธ.ก.ส จะมีความน่าสนใจอย่างไรกันบ้างนั้น ลองมาติดตามรายละเอียดกันเลย
1.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: จุดประสงค์
พันธบัตร ธ.ก.ส คือการกู้ยืมเงินโดยวิธีการวางจำหน่ายพันธบัตรของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร โดยเป็นการ Re - Open ครั้งที่ 2 จำนวน 6,500 ล้านบาท เป็นการปรับเพิ่มปริมาณเพื่อเพิ่มปริมาณธนบัตรในครั้งที่ 1 ที่มียอดค้างจำนวน 8,500 บาท (จาก 9,000 ล้านบาท) เมื่อรวมกันแล้วทำให้ยอดรวมของพันธบัตรเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 1 มียอดรวม 15,000 ล้านบาท
สำหรับพันธบัตรเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส) พ.ศ. 2565 ครั้งที่ 1 กระทรวงการคลังเป็นผู้ทำหน้าที่ค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ย รัฐบาลรับภาระเป็นผู้ทำการจ่ายคืนเงินต้นและดอกเบี้ย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจริง
2.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: 1 หน่วยการลงทุน = 1,000 บาท
พันธบัตร ธ.ก.ส ได้มีการกำหนดหน่วยของการลงทุนเอาไว้ที่ 1 หน่วย = 1,000 บาท และมีการกำหนดเอาไว้ว่าจะทำการขายให้กรณีผู้เสนอประมูลราคาต่ำที่สุดเอาไว้ที่เกินร้อยละ 20 ของวงเงินที่ทำการจำหน่าย
3.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: จำหน่ายให้กับสถาบันการเงินและนิติบุคคลไม่แสวงหาผลกำไร
ผู้ที่สามารถทำการซื้อพันธบัตร ธ.ก.ส ได้นั้น สามารถแบ่งออกได้เป็นสองกลุ่ม ดังต่อไปนี้
กลุ่มสถาบันการเงิน
เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารออมสิน ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย บริษัทเงินทุน บริษัทหลักทรัพย์ กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กองทุนรวม สำนักงานประกันสังคม บริษัทประกันภัย บริษัทประกันชีวิตและสถาบันอื่น ๆ ที่มีบัญชีเงินฝากกับธนาคารแห่งประเทศไทย
กลุ่มนิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร
เช่น มูลนิธิ สหกรณ์ นิติบุคคลเพื่อการสาธารณกุศล การศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม วิทยาศาสตร์ วรรณคดี การศึกษา สาธารณประโยชน์อื่น ๆ โดยที่ไม่ได้มุ่งหวังเอาผลประโยชน์มาแบ่งปันกันและกองทุนที่เป็นนิติบุคคลที่ใช้ประโยชน์จากเงินต้น
4.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: รายละเอียดของการลงทุน
สำหรับการลงทุนกับพันธบัตร ธ.ก.ส นักลงทุนจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนกลับคืนมาดังต่อไปนี้
อายุการไถ่ถอน | อัตราดอกเบี้ยร้อยละ / ปี | จำนวนวงเงินจำหน่าย (ล้านบาท) | จ่ายดอกเบี้ย |
2.43 ปี | 0.90 | 15,000 | จ่าย 2 งวด
1 มิ.ย. และ 1 ธ.ค. ของทุกปี |
5.สิ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ พันธบัตร ธ.ก.ส ในปี 2564-2565: ช่วงเวลาการวางจำหน่าย
พันธบัตร ธ.ก.ส เคยมีการวางจำหน่ายไปแล้วในปี 2564 แต่เนื่องจากยังมียอดเงินคงค้างอยู่ทำให้มีการนำกลับมาเสนอขายอีกครั้ง โดยมีกำหนดการขายดังต่อไปนี้
วันที่วางจำหน่าย | วงเงินจำหน่าย
(ล้านบาท) |
วันที่ชำระเงิน | วันเริ่มคำนวณดอกเบี้ย | วันครบกำหนดไถ่ถอน |
27 มิ.ย. 2565 | 15,000 | 29 มิ.ย. 2565 | 1 มิ.ย. 2565 | 1 ธ.ค. 2567 |
ส่งท้ายก่อนจาก # พันธบัตร ธ.ก.ส หนึ่งในการลงทุนที่น่าจับตามมองในปี 2564 -2565
พันธบัตร ธ.ก.ส ถือว่าเป็นการลงทุนที่ค่อนข้างมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะเป็นพันธบัตรที่มีความเสี่ยงต่ำ ถึงแม้ว่าผลตอบแทนที่ได้รับกลับคืนมาจะต่ำตามไปด้วย แต่ก็อาจจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับองค์กรและสถาบันการเงินที่ต้องการเพิ่มยอดการลงทุนที่ดีแห่งหนึ่งได้เช่นกัน