Contents
- 1 มาทำความรู้จักกับเงินบาทดิจิตอลไทย แนวคิด วิธีการใช้งานและความน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด
- 2 เงินบาทดิจิตอลไทย คืออะไร
- 3 ลักษณะที่น่าสนใจของเงินบาทดิจิตอลไทย
- 4 ความแตกต่างของเงินบาทดิจิตอลไทยกับสกุลเงินดิจิตอลทั่วไป
- 5 เงินบาทดิจิตอลไทยมีแผนจะถูกนำมาใช้งานเมื่อไหร่
- 6 ส่งท้ายก่อนจาก : เงินบาทดิจิตอลไทยคืออนาคตใหม่ทางการเงินของประเทศหรือเปล่า
มาทำความรู้จักกับเงินบาทดิจิตอลไทย แนวคิด วิธีการใช้งานและความน่าสนใจที่ไม่ควรพลาด
กระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลดูเหมือนจะเกิดขึ้นกับทั่วทั้งโลก นอกจากนักธุรกิจและนักลงทุนเอง หน่วยงานทางการเงินของภาครัฐโดยเฉพาะในประเทศไทยเองก็ได้มีความตระหนักในประเด็นนี้กระทั่งทำให้เริ่มมีแนวคิดเกี่ยวกับการสร้าง “เงินบาทดิจิตอลไทย” ขึ้นมาด้วยเช่นกัน
แนวคิดใหม่ดังกล่าว อาจทำให้หลายคนเกิดความสงสัยขึ้นมาว่าแล้วเงินบาทดิจิตอลไทยคืออะไร มีคุณสมบัติและความน่าใช้อย่างไรกันบ้าง ซึ่งบทความชิ้นนี้ได้รวบรวมทุกเรื่องราวน่าสนใจมาฝากเอาไว้เป็นข้อมูลที่น่าสนใจไม่ควรพลาดกัน
เงินบาทดิจิตอลไทย คืออะไร
เงินบาทดิจิตอลไทย คือ Cryptocurrency ประเภทหนึ่ง ที่อยู่ภายใต้ “สกุลเงินดิจิตอลของรัฐ” (CBDC) ที่ธนาคารกลางได้ทำการสร้างขึ้นมาโดยให้มีมูลค่าเท่ากับธนบัตร ทำให้เงินบาทดิจิตอลไทยสามารถถูกเรียกได้ในอีกชื่อหนึ่งว่า “ธนบัตรดิจิตอล”
เงินบาทดิจิตอลไทย เริ่มมีการพัฒนามาจาก “โครงการอินทนนท์” ที่เป็นการร่วมมือกันระหว่างธนาคารกลางแห่งประเทศไทย กับสถาบันทางการเงินจำนวน 8 แห่ง ที่ร่วมกันทำการศึกษาและทดสอบการใช้สกุลเงินดิจิทัลในการชำระเงินระหว่างธนาคาร รวมไปถึงการทดสอบโอนเงินระหว่างประเทศกับธนาคารฮ่องกง
ลักษณะที่น่าสนใจของเงินบาทดิจิตอลไทย
หากอ้างอิงข้อมูลของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย เงินบาทดิจิตอลไทยที่จะถูกนำมาใช้นั้น มีลักษณะสำคัญสามประการที่ควรทราบ คือ
1.เงินบาทดิจิตอลไทยมีลักษณะคล้ายเงินสด
เงินบาทดิจิตอลไทยสามารถถูกนำมาใช้งานได้เหมือนกับเงินสดทุกประการทั้งผ่านระบบออนไลน์ หรือสมาร์ทการ์ดที่เป็นแบบออฟไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการใช้งานกับทุกแพลตฟอร์มในการใช้งาน แตกต่างจากการชำระเงินผ่านกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่คุ้นเคยกันดีในปัจจุบัน ที่มีการจำกัดแพลตฟอร์มที่สามารถใช้ได้
2.เงินบาทดิจิตอลไทยไม่มีดอกเบี้ย
เงินบาทดิจิตอลไทยถูกจำกัดเอาไว้ว่า “ไม่ให้มีดอกเบี้ย” เพื่อเป็นกลไกการป้องกันไม่ให้ผู้ใช้เงินมองว่าเงินบาทดิจิตอลไทยเป็นทางเลือกใหม่ในการฝากเงินแทนการนำเงินสดมาฝากกับธนาคารพาณิชย์
3.เงินบาทดิจิตอลไทยต้องทำธุรกรรมแลกเปลี่ยนผ่านคนกลาง
เงินบาทดิจิตอลไทย จำเป็นที่จะต้องทำโดยผ่านคนกลาง เช่น สถาบันทางการเงิน ผู้ให้บริการทางการเงินที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยในการแลกเปลี่ยนเงินสดให้กลายมาเป็นเงินบาทดิจิตอลไทย
ความแตกต่างของเงินบาทดิจิตอลไทยกับสกุลเงินดิจิตอลทั่วไป
เงินบาทดิจิตอลไทย ถึงแม้ว่าจะเป็นสกุลเงินดิจิตอลโดยทั่วไป แต่โดยรวมแล้วก็มีความแตกต่างกันที่ควรทราบหลายประการเช่นกัน โดยมีใจความสำคัญดังต่อไปนี้
1.เงินบาทดิจิตอลไทยมีหน่วยงานรัฐทำหน้าที่ควบคุม
โดยพื้นฐานของสกุลเงินดิจิตอลคือมีความเป็นอิสระปราศจากการควบคุมจากคนกลาง แต่สำหรับเงินบาทดิจิตอลไทยจะแตกต่างออกไป เนื่องจากมีรัฐเป็นผู้คอยทำหน้าที่ควบคุมแทนที่จะให้สมาชิกในเครือข่ายบล็อกเชนทำหน้าที่ควบคุมกันเองตามปกติ
2.เงินบาทดิจิตอลไทยจัดเก็บและตรวจสอบธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย
เงินบาทดิจิตอลไทยมีการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล ข้อมูลการทำธุรกรรมต่าง ๆ เก็บเอาไว้เมื่อมีการทำธุรกรรม ทำให้ภาครัฐสามารถที่จะทำการตรวจสอบได้อย่างง่ายดาย แตกต่างจากสกุลเงินดิจิตอลต่าง ๆ ที่หน่วยงานภาครัฐไม่มีข้อมูลเหล่านี้ถูกเก็บรักษาเอาไว้
3.เงินบาทดิจิตอลไทยความผันผวนของค่าเงินน้อย
เงินบาทดิจิตอลไทย มีการผูกมูลค่าเอาไว้กับค่าเงินของประเทศ ทำให้ราคาเท่ากับราคาของเงินในประเทศ ณ ช่วงเวลานั้น เหตุผลนี้เองที่ทำให้เงินบาทดิจิตอลไทยไม่ค่อยมีการเปลี่ยนแปลงเหมือนกับสกุลเงินดิจิตอลอื่น ๆ ที่มีความผันผวนที่สูง
เงินบาทดิจิตอลไทยมีแผนจะถูกนำมาใช้งานเมื่อไหร่
ตามประกาศของทางธนาคารกลางแห่งประเทศไทย เงินบาทดิจิตอลไทยมีแนวคิดว่าจะมีการทดลองนำมาใช้งานภายในองค์พันธมิตรช่วงกลางปี 2022 หากได้รับการตอบรับที่ดี ก็จะมีการพัฒนาเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการนำมาใช้ในโลกออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบสำหรับประชาชนทั่วไปในภายหลัง
ส่งท้ายก่อนจาก : เงินบาทดิจิตอลไทยคืออนาคตใหม่ทางการเงินของประเทศหรือเปล่า
มีหลายประเทศในโลกที่ได้มีการทดลองนำสกุลเงินดิจิทัลของตัวเองมาใช้งานเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับคนในประเทศในหลายด้าน โดยเฉพาะการทำธุรกรรมทางการเงินแบบไร้พรมแดนอย่างเช่นประเทศจีนที่มีการเดินหน้าสานต่อโครงการนี้อย่างจริงจังเป็นอย่างมาก ซึ่งหากประเทศไทยเองสามารถทำการศึกษาความเสี่ยงและหาวิธีรองรับการใช้งานได้อย่างเหมาะสม ก็เชื่อว่าจะช่วยทำให้งการเงินของประเทศมีประสิทธิภาพทางด้านความรวดเร็วมากยิ่งขึ้นได้อย่างมากเช่นกัน